จากกรณีที่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ตำรวจ ตม. ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่ 1115 และหน่วยความมั่นคง ได้ร่วมทำการจับกุมแรงงานเมียน ได้เป็นจำนวนมากในระยะนี้ ทำให้ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่รับผิดชอบเกิดปัญหาทั้งสถานที่กักตัว การดูแลเรื่องอาหาร และอื่นๆ ตามมามากในระยะนี้เนื่องจากเชื้อโควิดระบาดด้วย

 

วันนี้ 28 เม.ย. 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน พร้อมมอบนโยบายในการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรี และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมด้วย นายรณภพ เวียงสิมมา ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมประชุมรายงานการดำเนินการและรับมอบแนวทางการปฏิบัติงานฯ

 

ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานในการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว โดยเน้นการกวดขันตามแนวชายแดนและช่องทางธรรมชาติ ดำเนินการภายใต้มาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด  เนื่องจากผู้หลบหนีเข้าเมือง ถือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในทุกกรณี จึงต้องเข้มงวดในการตรวจติดตามอาการและควบคุมกักตัวในสถานที่ที่เหมาะสม และเป็นไปตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ให้เจ้าหน้าที่ออกหาข่าวและเข้มงวดจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำในการป้องกันของผู้ปฏิบัติงานให้การเข้าไปใกล้ชิดและสัมผัสเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่

 

สำหรับแรงงานต่างด้าวที่มีการจับกุมมาดำเนินคดีนั้น ขั้นตอนจะนำเข้าสถานที่กักกันควบคุมโรค นำเข้าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 กักตัวควบคุมสังเกตอาการ ฆ่าเชื้อในสถานที่พัก และส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งปฏิบัติการภายใต้มาตรการขั้นตอนอย่างเข้มงวดสูงสุด และภายใต้หลักมนุษยธรรม ในส่วนของสถานกักกันโรคสำหรับคนต่างด้าว ที่ กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 136 จังหวัดกาญจนบุรี จะมีความพร้อมและสามารถเปิดใช้ได้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2564  ซึ่งจะนำแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่จับกุมได้เข้ากักกันต่อไป

 

และล่าสุดได้รับแจ้งว่าระหว่างที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังประชุมอยู่กับหน่วยงานเกี่ยวข้องอยู่นั้น นายโจว อู อายุ 31 ปี ชาวเมียนมา (รายชื่อคนที่ 49) โดยการหลบหนีด้วยการวายข้ามลำน้ำแควน้อย ซึ่งนายโจว อู คนนี้เป็นผู้นำพาแรงงานทั้งหมดที่จับได้เกือบ 200 คน ส่วนพี่ชายได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแรงงานทั้งหมด จากการหลบหนีจากที่ควบคุมไป เจ้าหน้าที่ระดมกำลังปิดล้อมในป่า 2 ฝั่งลำน้ำแควน้อย แต่ขณะนี้การติดตามตัวยังไร้วี่แวว