จากนโยบายของนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.ดกาญจนบุรี พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี นายธนณัฎฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี

 

และหลังจากที่ทาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบนโยบายในการปฏิบัติงานในการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าว โดยเน้นการกวดขันตามแนวชายแดนและช่องทางธรรมชาติ ดำเนินการภายใต้มาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด  เนื่องจากผู้หลบหนีเข้าเมือง ถือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในทุกกรณี จึงต้องเข้มงวดในการตรวจติดตามอาการและควบคุมกักตัวในสถานที่ที่เหมาะสม และเป็นไปตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ให้เจ้าหน้าที่ออกหาข่าวและเข้มงวดจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำในการป้องกันของผู้ปฏิบัติงานให้การเข้าไปใกล้ชิดและสัมผัสเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเจ้าหน้าที

 

ต่อมาได้มีการให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่อยู่เส้นทางตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมา ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของแรงงานชาวเมียนมาโดยผิดกฎหมาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะเส้นทางถนนสาย 323 ด่านเจดีย์สามองค์-สังขละบุรี-ทองผาภูมิ-ไทรโยค-กาญจนบุรี และเส้นทางด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมทั้งช่องทางเข้าออกตามธรรมชาติตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ระยะทาง 371 กิโลเมตร

 

วันนี้ 29 เม.ย. 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ล่าสุด พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 21.30 น.ของคืนวันที่ 28 เม.ย.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หมวดลาดตระเวน (มว.ลว.) ที่ 4 ประจำจุดตรวจร่วมช่องเขาหนีบ หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร่วมกับกองร้อยเคลื่อนที่เร็ว (ร้อย.คร.) กกล.สุรสีห์, ชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์, ทหารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชป.กร.) กองกำลังสุรสีห์ ที่ 105, ร้อยทหารพราน (ร้อย.ทพ.)ที่ 1115, สภ.เมืองกาญจนบุรี

 

ได้ร่วมกันออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันและปราบปรามตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาข้างต้นด้วยความเข้มข้น จนกระทั้งไปถึงบริเวณป่าเชิงเขาบ้านประตูด่าน หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่พิกัด  NR 224384  พบกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา จำนวนหนึ่งกำลังเดินลัดเลาะมาตามป่าชายเขาทุกคนมีกระเป๋าสัมภาระครบ

 

เมื่อได้จังหวะเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมส่งสัญญาณ เรียกให้ทุกคนหยุด เพื่อขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบมีแรงงานชาวเมียนมาทั้งหมด จำนวน 13 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 6 คน ทั้งหมดไม่มีเอกสารหนังสืออนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยเจ้าหน้าที่ได้สวมชุด PPE เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 จากกลุ่มแรงงาน พร้อมกับทำการตรวจวัดอาการไข้ เบื้องต้นทุกคนมีอุณหภูมิในร่างกายไม่เกิน 37.5 องศาฯ

 

โดยกลุ่มแรงงานให้การว่า พวกตนเดินทางมาจาก จ.ทวาย ประเทศเมียนมา โดยทุกคนใช้เวลาในการเดินทางนานถึง 8 วัน กว่าจะข้ามเข้ามาในประเทศไทยได้ สำหรับเป้าคือจะเดินทางไปทำงานในพื้นที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร สำหรับนายหน้าผู้นำพาเข้ามาเป็นชาวเมียนมา ด้วยกัน โดยทุกคนได้จ่ายเงินค่าหัวให้กับนายหน้าไปแล้วคนละ 12,000-15,000 บาท โดยนายหน้าที่เป็นชาวเมียนมา แจ้งว่าจะมีคนขับรถมารับเพื่อส่งไปทำงานที่จังหวัดดังกล่าว แต่ก็ต้องมาถูกจับกุมตัวเสียก่อน

 

หลังจากแรงงานให้การยอมรับสารภาพในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในห้วงระหว่างวันที่ 26-28 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา ได้เป็นจำนวนมาก โดยวันที่ 26 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่จับกุมแรงงานชาวเมียนมาขณะหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณป่าเชิงเขา ท้องที่ หมู่ 8 ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ จำนวนทั้งหมด 58 คน เป็นชาย 35 คน หญิง 23 คน โดย 4 ใน 58 คน เป็นเด็กชายซึ่งเป็นลูกของแรงงานที่ถูกจับกุม จำนวน 4 คน

 

และที่สำคัญการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้นำพาที่เป็นคนไทยขณะนำรถยนต์มารับแรงงานได้ จำนวน 4 คน รถยนต์กระบะ จำนวน 3 คัน โดยรถยนต์ทั้ง 3 คันมีสแลนสีดำที่ใช้สำหรับปิดคลุมแรงงานขณะอยู่ภายในรถเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ด้วย

 

วันที่ 27 เม.ย.เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกัน จับกุมแรงงานชาวเมียนมา ขณะหลบ ซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณชายป่าบ้านประตูด่าน หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ได้จำนวน 48 ราย เป็นชาย 21 ราย หญิง 27 ราย และวันที่ 28 เม.ย.จับกุมได้อีก จำนวน 13 ราย รวม 3 วันจับกุมได้ จำนวน 119 คน คนไทย 4 คน โดยแรงงานชาวเมียนมา ทุกคนเดินทางมาจาก จ.ทวาย ประเทศเมียนมา ทั้งสิ้น

 

และจากการสอบถามนายโจว อู ผู้นำพาที่สื่อภาษาไทยกันพอรู้เรื่อง และได้หลบหนีวายน้ำข้ามแม่น้ำแควน้อย หายไปไร้วี่แววในช่วงเย็นวานนี้บริเวณสถานที่กักตัวที่ทำการชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านไทรโยค จึงทราบว่าในพื้นที่ฝั่งเมียนมา ช่วงนี้มีการออกกรวดขันของทหารเมียนมา ชาวบ้านได้ทั้งบ้านหลบหนีเดินทางเข้ามาในฝั่งไทยกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัย โดยการทิ้งบ้านร้างแล้วเดินทางเข้ามากันทั้งหมุ๋บ้านในระยะนี้./