วันนี้ ( 29 เม.ย.64 ) นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค. ว่า ที่ประชุม ศบค. มีมติปรับระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร จาก 7 วัน หรือ 10 วัน เป็น 14 วันทุกประเภท และปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ โดยพิจารณาจากลักษณะการระบาดในชุมชน โดยพิจารณาจากจำนวนและความต่อเนื่อง แบ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีผู้ป่วยมากกว่า 100 รายต่อวันในสัปดาห์ และพื้นที่ควบคุมสูงสุดคือ มีผู้ป่วยมากกว่า 10 รายต่อวันในสัปดาห์ นอกจากนี้ยังพิจารณาจากจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ที่พบการระบาดอย่างต่อเนื่องมากกว่า 1 จังหวัด จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพรเชื้อได้ง่ายและจังหวัดที่ติดกับชายแดนและเคยมีผู้ติดเชื้อเดินทางเข้ามา

ที่ประชุม เห็นชอบให้ปรับระดับของพื้นที่ของสถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) มี 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 45 จังหวัด พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 26 จังหวัด ไม่มีพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) และพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) โดยการปฏิบัติในทุกจังหวัด ต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถาน หรืออยู่ในที่สาธารณะและงดการจัดกิจกรรมทางสังคมในลักษณะที่เป็นงานสังสรรค์ งานเลี้ยง หรืองานรื่นเริง ยกเว้นการจัดพิธีตามประเพณีนิยม หรือเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในครอบครัวและมีมาตรการป้องกันโรคที่เพียงพอ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อ นอกจากนี้ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณา Work From Home มาตรการขั้นสูงสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดจำนวนการเดินทางของเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อป้องกันและลดโอกาสเสี่ยง ที่เจ้าหน้าที่และบุคลากรในความรับผิดชอบจะติดเชื้อ โดยอาจสั่งการให้ปฏิบัติงาน Work From Home การสลับวันเวลาทำงาน หรือวิธีการอื่นใดตามความเหมาะสมของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งห้ามใช้อาคาร หรือ สถานที่ของโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใดๆ ที่มีผู้ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่โรค

สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) 6 จังหวัด ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน งดรับประทานอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านได้และเปิดบริการได้ไม่เกิน 21.00 น. ปิดให้บริการสนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส ยิม ยกเว้นสนามกีฬากลางแจ้ง เช่น สนามกอล์ฟ และอนุญาตให้จัดการแข่งขันกีฬาได้ โดยไม่มีผู้ชม ส่วนห้างสรรพสินค้า เปิดได้ถึงเวลา 21.00 น. ร้านสะดวกซื้อ ตลาดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ปิดตั้งแต่ 23.00 น. – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ที่สำคัญคือ งดการเดินทางออกนอกพื้นที่โดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อลดการเดินทางที่อาจเสี่ยงต่อการติดโรค ทั้งนี้มาตรการทั้งหมด ให้ถือปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป

สำหรับพื้นที่สีแดงเข้มจะมีมาตรการ ดังนี้ 
1. ต้องสวมหน้ากากเมื่อออกนอกเคหสถาน หรืออยู่ในสถานที่สาธารณะ
2. ห้ามกิจกรรมรวมตัวมากกว่า 20 คน
3. งดรับประทานอาหารในร้านซื้อกลับบ้านได้ไม่เกิน 21.00 น.
4. ร้านสะดวกซื้อ เปิด 04.00 - 23.00 น.
5. ปิดสถานบันเทิง
6. ห้างสรรพสินค้า เปิดไม่เกิน 21.00 น. โดยจำกัดจำนวนคน งดส่งเสริมการขาย สถานศึกษาห้ามใช้อาคารสถานที่จัดการเรียนการสอน
7. ปิดสถานที่เสี่ยง ยกเว้นกีฬากลางแจ้งไม่เกิน 21.00 น. แข่งขันโดยไม่มีผู้ชม
8. งดเดินทางออกนอกพื้นที่

ทั้งนี้ ในที่ประชุมไม่มีมติให้ล็อคดาวน์ และไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว แต่ขอหน่วยราชการ เอกชน พิจารณา  Work From Home ต่อเนื่องอีก 14 วัน เพื่อควบคุมการระบาดของโรค รวมทั้งขยับระยะเวลากักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มเป็น 14 วันจากเดิมเคยลดลงเหลือ 10 วัน ทั้งนี้ จะประเมินสถานการณ์และปรับเปลี่ยนเป็นระยะๆ ต่อไป

หลังจากนี้ จะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ในเวลา 00.01 น. ของวันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป อย่างน้อยเป็นเวลา 14 วัน