ตำรวจหนองฉาง ร่วมกับภาคส่วนเกี่ยวข้อง ประชุมเร่งคลี่คลาย "คดีนายสุชาติ"
11 ส.ค. 2562, 19:50
วันที่ 11 ส.ค. 62 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานความคืบหน้าคดี นายสุชาติ ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้เร่งทำการลงพื้นที่ปูพรมหาพยานหลักฐานเพิ่มเกี่ยวกับคดี เพื่อหาความจริงว่าอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุน รวมไปถึงซากหัวสัตว์ป่า และชิ้นเนื้อสัตว์ที่ชำแหละแล้วที่พบนั้นได้มาจากที่ใด โดยในช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.ต.วินัย นุชชา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจภูธรหนองฉาง ได้เรียกชุดสืบสวนจังหวัดอุทัยธานี พร้อมชุดสืบสวนของสถานีตำรวจภูธรหนองฉาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเข้าประชุมสรุปผลการติดตามสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าว
โดย พล.ต.ต.วินัย นุชชา กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเราได้พยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ ทั้งชุดสืบสวนที่นี่และชุดสืบสวนจังหวัดรวมถึงตัวพนักงานสอบสวนเองได้ทำงานกันอย่างเต็มที่โดยตลอด โดยขณะนี้ตัวผู้ต้องหานั้นได้ทำการผ่าตัดอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพล ซึ่งตอนนี้เป็นที่ทราบดีแล้วว่าตัวผู้ต้องหานั้นขาลีบ 1 ข้าง ส่วนขาอีก 1 ข้างนั้นหักจากการที่ประสบอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งตัวผู้ต้องหานั้นไม่สามารถไปไหนได้อย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการผ่าตัดของแพทย์ โดยเบื้องต้นข้อหาที่เราได้ตั้งนั้นจะเป็นข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน คือมีอาวุธปืนในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือสาธารณะ และเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด คือกัญชา รวมไปถึงกรณีกระสุนปืนลูกซองที่เราพบแต่ลูกกระสุน แต่ไม่พบตัวปืนนั้น ตัวผู้ต้องหาได้กล่าวอ้างว่า ตนเองมีใบอนุญาตปืนลูกซอง ซึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบและสอบสวนหาข้อเท็จจริงอีกว่าเป็นไปตามที่ผู้ต้องหานั้นได้กล่าวอ้างไว้หรือไม่ ด้วยในช่วงตอนนี้เป็นวันหยุดจึงทำให้การติดตามการตรวจสอบ ได้ค่อนข้างลำบาก
ส่วนข้อหาเกี่ยวกับเรื่องซากสัตว์ป่านั้น เนื่องจากเราจะต้องตรวจพิสูจน์ทราบให้ได้ก่อนว่าที่จริงแล้วนั้นเป็นซากสัตว์อะไร เพราะมันอาจจะไม่ใช่ซากสัตว์ป่าก็ได้ เพราะการทำงานของตำรวจ ของพนักงานสอบสวน ต้องให้ความยุติธรรมกับผู้ต้องหาด้วย การที่เราจะไปแจ้งข้อหาให้เกินกว่ากฎหมายกำหนดโดยที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้เลยว่า ข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร โดยข้อหาปืนและข้อหายาเสพติดนั้นมีความผิดจริงแล้ว แต่ในส่วนข้อหาซากสัตว์นั้น เรายังไม่รู้ว่าผิดจริงหรือไม่
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ต้องหามีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ทางสืบสวนของเราได้ขอหมายศาลจังหวัดนครสวรรค์ เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของนายสุชาติ ทั้ง 2 หลัง ซึ่งเบื้องต้นได้พบไก่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไก่ป่า อยู่จำนวน 10 ตัว ซึ่งได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าร่วมตรวจค้นในครั้งนี้ด้วย ซึ่งจะมีการนำไก่ที่พบนั้นไปร่วมตรวจพิสูจน์กับชิ้นเนื้อที่พบก่อนหน้านี้ด้วย โดยหากตรวจพิสูจน์แล้วพบว่าเป็นไก่ป่า ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่จังหวัดนครสวรรค์
โดยในส่วนของความคืบหน้าคดีนั้น เราได้เช็คในหลายๆ ด้านพร้อมรวบรวมพยานที่ผู้ต้องหานั้นได้มีการกล่าวอ้างมาทำการสอบสวนไว้จำนวน 3 ปาก ซึ่งมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อยู่ในพื้นที่ตำบลระบำ อำเภอลานสักจังหวัดอุทัยธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพยานวอ 5 เพื่อติดตามว่าจริงๆ แล้วผู้ต้องหานั้นเดินทางไปทำไม เบื้องต้นนั้นทราบว่า ผู้ต้องหามาทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอลานสัก ซึ่งพบว่ามีการเข้ามาทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดจริง ส่วนรายละเอียดนั้นทางเราจะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้งจนกว่าจะได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
และในส่วนของประเด็นที่ว่าผู้ต้องหานั้นมีญาติเป็นตำรวจหรือไม่ จากการตรวจสอบแล้วพบว่า นายสุชาติ นั้น มีพี่ชายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นรอง สวป.อยู่ที่ปราณบุรี ส่วนเสื้อสอบสวนกลางนั้น เราไม่เรียกว่าเป็นเครื่องแบบ แต่เรียกว่า เสื้อกั๊ก ซึ่งมีขายอยู่ทั่วไปตามตลาดนัด ประกอบกับ ผู้ต้องหานั้นเป็นกู้ภัยซึ่งโดยส่วนตัวผู้ต้องหาอาจจะชอบตำรวจ ซึ่ง ณ จุดนี้ไม่ถือว่าเสื้อกั๊กตัวดังกล่าวนั้นเป็นเครื่องแบบ ส่วนจุดประสงค์ที่ตัวผู้ต้องหามีอาวุธปืนนั้นจากการที่ตรวจสอบแล้วพบว่าตัวผู้ต้องหามีใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จำนวนปืนที่ตรวจพบได้ โดย ปืนยาวติดลำกล้องขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก พร้อมด้วยปืนพกขนาด .32 อีกจำนวน 1 กระบอกนั้นเป็นของพี่ชาย และปืนยาวติดลำกล้องขนาด .22 อีก 1 กระบอกนั้นเป็นของนายสุชาติเอง ส่วนปืนที่ผู้ต้องหาเอาเข้ามาในเขตเรานั้น จะนำเข้ามาเพื่อทำอะไรยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ซึ่งข้อกล่าวอ้างของตัวผู้ต้องหานั้นอ้างว่าได้เข้ามาเพื่อทำการติดตั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งใครจะให้ข้อกล่าวอ้างอย่างไรก็ได้ แต่เราจะมีการสอบสวนไปตามจริง ส่วนจะมีการยิงปืนหรือไม่อย่างไรนั้นทางพนักงานสอบสวนได้ให้กองพิสูจน์หลักฐานของเราตรวจเขม่าดินปืนไว้แล้ว ส่วนเรื่องรถและอุบัติเหตุนั้นเราได้มีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ต้องหาแล้ว
ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในระหว่างการรอผลซึ่งทุกอย่างพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการไว้ทั้งหมดแล้วทั้งในเรื่องการส่งชิ้นเนื้อต่างๆ ที่เราตรวจยึดได้ทำการส่งให้เจ้าหน้าที่โดยตรงทำการตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบทุกอย่างนั้นจะเป็นไปตามทางวิทยาศาสตร์ จะต้องมีการตรวจสอบได้ในทุกอย่างและทุกขั้นตอน ซึ่งตอนนี้เราได้ทำการไล่ตรวจกล้องวงจรปิดไปตามจุดต่างๆ แล้วนั้น ยังไม่ได้มีการตรวจพบซาเล้งที่ผู้กล่าวหาได้กล่าวอ้างว่าทำการซื้อเนื้อนั้นมา โดยชิ้นเนื้อที่ได้ตรวจยึดไว้นั้นเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเนื้อวัวตามที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นเราจึงได้ทำการตรวจ หลักฐานที่มีอยู่ในมือให้ได้ก่อนว่าเป็นเนื้อวัวจริงหรือไม่ หากไม่ใช่เนื้อวัวเราจะมีการตามโจทย์ดังกล่าวต่อไป โดยในส่วนที่คาดการณ์ว่าจะกลายเป็นขบวนการล่าสัตว์ป่าหรือไม่นั้น ณ ตอนนี้ ยังไม่ได้เป็นขบวนการ เจ้าหน้าที่อยากให้มีการตรวจสอบให้ครบทุกประเด็นไม่ว่าจะเป็นขบวนการหรือไม่เป็นขบวนการล่าสัตว์หรือเป็นการล่าส่วนตัวหรือว่าไม่ใช่ หรือว่ามาซื้อเนื้อวัวจริงๆ เราต้องทำการตรวจสอบให้ครบทุกอย่างตามที่ผู้ต้องหาด้วยกล่าวอ้าง
ส่วนเค้กจำนวน 2 ก้อน ที่ตรวจพบภายในรถนั้นก็ยังอยู่ในสมุดการสอบสวน ซึ่งไม่ว่าตัวผู้ต้องหาเองหรือตัวพยานที่ได้สอบปากคำนั้นจะให้การใดๆ เราจะได้มีการรวบรวมคำให้การนั้นเข้าไปตรวจสอบทุกกรณี ซึ่งถ้าหากมีการให้การเท็จ ก็เป็นไปตามกระบินบ้านกระบินเมืองต่อไป ส่วนถ้าเป็นเรื่องจริงนั้นเราก็ต้องให้ความยุติธรรมกับเขา พล.ต.ต.วินัย นุชชา กล่าว
โดยก่อนหน้าที่จะมีการประชุมนั้น ได้มีการสอบพยาน 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านห้วยเป้า ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นบุคคลที่นายสุชาติ นั้น ได้ให้การไว้เข้ามาทำการ สอบปากคำเพิ่มเติม โดยได้ทำการสอบปากคำเคร่งเป็นระยะเวลาถึง 2 ชั่วโมงติด
ซึ่งตัวผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรายดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า นายสุชาติ นั้น ได้เดินทางมาที่บ้านตนเอง ในช่วงเช้าวันที่ 9 ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุ โดยนายสุชาตินั้น ได้เดินทางมาที่บ้านเพียงคนเดียว โดยเข้ามาทำการติดกล้องวงจรปิดให้กับตนเองจำนวน 2 ตัว ซึ่งเป็นหน้าบ้าน 1 ตัว และหลังบ้าน 1 ตัว โดยคิดเงินค่าติดตั้งพร้อมอุปกรณ์ในราคา 2,000 บาท โดยติดตั้งเสร็จเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. จากนั้นได้มีการนั่งพูดคุยกันสักพักหนึ่ง จากนั้นนายสุชาติ ก็ได้เดินทางออกจากบ้านตนเองไป ซึ่งไม่ได้มีการสังสรรค์กันแต่อย่างใด ประกอบกับตนเองนั้นไม่ทราบว่า นายสุชาติ นั้นได้ไปซื้อเนื้อดังกล่าวมาจากที่ใด รวมไปถึงตนเองไม่เห็นรถซาเล้งที่ขายเนื้อ เนื่องจากตนเองนั้นส่วนใหญ่อยู่แต่ในไร่ไม่ค่อยได้ออกมานอกพื้นที่