เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ปิดหมู่บ้าน ! "อีต่อง" คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า 100% หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น


7 พ.ค. 2564, 06:53



ปิดหมู่บ้าน ! "อีต่อง" คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า 100% หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น




วันที่ 6 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า จากกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ชุมชนบ้านอีต่อง หมู่ 1 ต.ปิล๊อก  อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จำนวน 2 ราย รายแรกเป็นผู้ป่วยรายที่ 119 ของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นหญิง อายุ 63 ปี อาชีพค้าขาย ก่อนติดเชื้อ ไม่ได้เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เพียงแค่เดินทางไปซื้อของในตลาดทองผาภูมิเพื่อนำไปขายที่ร้านเท่านั้น โดยตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ปัจจุบันรับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา

 

รายที่สอง เป็นหญิง อายุ 72 ปี ประวัติสัมผัสใกล้ชิดเนื่องจากไปมาหาสู่กับผู้ป่วยรายแรกอยู่เป็นประจำตามประสาเพื่อบ้านที่สนิทสนมกัน โดยรายที่ 2 นั้นตรวจพบติดเชื้อเมื่อวันที่ 2 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ทองผาภูมิ

 

หลังจากชุมชนบ้านอีต่อง แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รวม  2 ราย ทำให้นางอรุณี หัตถกีรติ ผู้ใหญ่บ้านบ้านอีต่อง หมู่ 1 ต.ปิล๊อก ได้ประชุมหารือกับคณะกรรมการหมู่บ้านรวมทั้งประชาชนในชุมชน ทันที ผลประชุมมีมติให้ปิดชุมชนบ้านอีต่อง ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.โดยไม่มีกำหนด พร้อมกับประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊คให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่คอยติดตามเฟซบุ๊ค ต่างก็เข้าใจถึงสถานการณ์กันเป็นอย่างดี

 

ขณะเดียวกันวันที่ 4 เม.ย.64 องค์การบริหารส่วนตำบลปิล๊อก ได้ลงพื้นที่พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ขณะที่ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (Surveillance and Rapid Response Team หรือ SRRT) รพ.สต.ปิล๊อก รวมทั้ง รพ.ทองผาภูมิ และสาธารสุขอำเภอทองผาภูมิ สาธารสุขจังหวัดกาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่เก็บสารคัดหลั่งโพรงจมูก หรือ swab จากลุ่มผู้เสี่ยงสูงในชุมชนบ้านอีต่อง เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากชาวบ้านทั้งหมด จำนวน 92 ราย

 

ผลการตรวจหาเชื้อออกมาเมื่อวันที่ 5 พ.ค.64 ปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น จำนวน 6 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 3 ราย โดยผู้ป่วยทั้ง 6 ราย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ทองผาภูมิ ส่วนแหล่งติดเชื้ออยู่ระหว่างการสอบสวนของทีมสอบสวนโรค โดยเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการสอบสวนโรคเพื่อหาตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทั้ง 6 รายต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า ปลัดอาวุโส รักษาราชการแทนนายอำเภอทองผาภูมิ พร้อมด้วยนายมะ มาลาพงษ์ สาธารณสุขอำเภอทองผาภูมิ แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี ผอ.โรงพยาบาลทองผาภูมิ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร  ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ร้อย ตชด.ที่ 135 รวมทั้ง อสม.ผู้นำท้องถิ่น และ ผู้นำท้องที่ ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ

 

 

โดยในที่ประชุมได้เน้นย้ำให้ องค์การบริหารส่วนตำบลปิล๊อก ดูแลและออกประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนป้องกันการแพร่ระบาดด้วยการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากาดผ้าทุกครั้งที่ออกนอกเคหสถาน รวมทั้งหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยครั้ง รวมทั้งหากต้องพูดคุยกันก็ให้เว้นระยะห่างตามข้อกำหนดของสาธารณสุข หากมีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่จะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่บ้านเสียก่อน

 

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 6 รานนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการสอบสวนโรคแล้วปรากฏพบผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทั้ง 6 ราย จำนวน 20 คน โดยทั้ง 20 คน ส่วนใหญ่ใกล้ชิดและเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เบื้องต้นให้กักตัวอยู่ที่บ้าน จากนั้นวันที่ 8 พ.ค.ที่จะถึงนี้เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เพื่อเก็บสารคัดหลั่งจากโพรงจมูก หรือ swab  เพื่อนำมาตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้งหนึ่ง

 

ปัจจุบันชุมชนบ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ของอำเภอทองผาภูมิ ได้ทำการปิดหมู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 แล้ว 100 %   จึงขอประชาสัมพันธ์ไปถึงนักท่องเที่ยวที่มีแผนเดินทางมาท่องเที่ยว ให้ทราบโดยทั่วกัน หากสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งต่อไป

 

ขณะเดียวกันที่อำเภอสังขละบุรี 1 ใน 2 อำเภอที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แม้แต่รายเดียว โดยในวันนี้ (6พ.ค.)นายปกรณ์ วรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี ได้มอบหมายให้นายฉกาจ อาสาสนา ปลัดอาวุโสอำเภอสังขละบุรี ร่วมกับ นายรังสิมันต์ ทองสวัสดิ์ สาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี นำทีมบุคลากรทางการแพทย์สาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี

 

ออกเดินรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนในพื้นที่รวมทั้งภายในตลาดสดเทศบาลตำบลวังกะ  ให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากเคหสถานและขณะขายของให้กับลูกค้า ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะต้องสวมหน้ากากอนามัยด้วยเช่นกัน หากใครฝ่าฝืนก็จะต้องถูกจับปรับเป็นเงินสูงสุดถึง 20,000 บาท โดยการรณรงค์ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนรวมทั้งชาวตลาดสดและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี

 

 



 


 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.