ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ เพิ่มยาแรงคุมเข้มสกัดโควิด-19 ประกาศเคอร์ฟิว 5 ทุ่ม ถึง ตี 4
8 พ.ค. 2564, 19:25
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารพลศึกษาวีสมหมาย อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายสำรวย เกษกุล นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิตร รอง ผวจ.ศรีสะเกษ นายนพ พงศ์ผลาดิสัย ปลัด จ.ศรีสะเกษ นายบุญประสงค์ นวลสายย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ นพ.ชลวิทย์ หลาวทอง ผอ.รพ.ศรีสะเกษ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม ที่ได้รับบริจาคจากมูลนิธิเอสซีจี จำนวน 50 ชุด เพื่อเตรียมไว้สำหรับรองรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้มีการจัดเตรียมเตียงพร้อมเครื่องนอนและพัดลมไว้ครบ และมีความพร้อมที่จะใช้งานได้ทันที หากมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงมากขึ้นมาอีก
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในวันนี้ จำนวน 11 ราย รวมสะสม จำนวน 220 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว จำนวน 98 ราย คงเหลือยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จำนวน 122 ราย ซึ่งอำเภอที่พบการระบาดมากที่สุด คือ อ.กันทรารมย์ อ.เมืองศรีสะเกษ และ อ.กันทรลักษ์ ตามลำดับ ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ได้เกิดกลุ่มคลัสเตอร์เกิดขึ้นหลายกลุ่มกระจายไปในหลายพื้นที่อย่างรวดเร็ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งการติดเชื้อได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อยกระดับการป้องกันและระงับยับยั้งการระบาดของโรค มิให้แพร่ระบาดออกไปในวงกว้าง และควบคุมสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตนจึงได้ออกประกาศคำสั่ง จ.ศรีสะเกษ ฉบับที่ 17 โดยเนื้อหาสาระสำคัญระบุว่า ขอความร่วมมือประชาชนใน จ.ศรีสะเกษ ทุกคนงดเดินทางออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. ของวันถัดไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องประกอบอาชีพหรือมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ พร้อมสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 9-22 พ.ค. นี้ ได้แก่ โต๊ะสนุกเกอร์ และสวนน้ำ สระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสระว่ายน้ำกลางในหมู่บ้านจัดสรร นอกจากนี้แล้ว ได้แจ้งให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาใน จ.ศรีสะเกษ ที่มาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่ควบคุม ให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ และแสดงเอกสารรับรองความจำเป็น/การปฏิบัติหน้าที่/การติดต่อราชการตามหลักเกณฑ์การตรวจคัดกรองการเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยให้กักกันตัวในที่พักอาศัยในบ้านหรือในสถานที่ที่ทางราชการจัดให้ทุกคน เป็นเวลา 14 วัน โดยกำหนดให้บ้านเป็นที่เอกเทศ ผู้พักอาศัยในบ้านทุกคนต้องป้องกันตนเองตลอดเวลา ไม่รับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกัน สวมหน้ากาก อนามัยหรือหน้ากากผ้า เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลมากกว่า 1 เมตร ทำความสะอาดมือและอุปกรณ์ที่สัมผัสบ่อย ๆ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2548 หรือตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ