บุคลากรทางการแพทย์ รพ.ร้อยเอ็ด เดือดร้อนกักตัวกว่าครึ่งร้อย วอนคนไข้อย่าปกปิดข้อมูล
9 พ.ค. 2564, 15:31
โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ล่าสุดได้เกิดความโกลาหล ต้องเสียกำลังเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ ไปถึง 52 ชีวิต ซึ่งต้องเข้ารับการกักตัวเป็นการด่วน หลังพบคนไข้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ปกปิดข้อมูล โดยนายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กล่าวว่า โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ได้รับดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย 2 ราย และญาติที่มาเฝ้าผู้ป่วย 1 ราย ซึ่งต่อมาได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 โดยผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 184 เพศชาย อายุ 30 ปี รับส่งต่อจากโรงพยาบาลจตุรพักตรพิมาน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 รักษาตัวที่ตึกอายุรกรรมชาย 2 และตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564
ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 194 เพศหญิง อายุ 48 ปี ชาวจตุรพักพิมาน เดินทางกลับจาก จังหวัดอยุธยา และมาเฝ้ามารดาที่ป่วยอยู่ตึกอายุรกรรมหญิง 2 และตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 มีประวัติเสี่ยงติดเชื้อจากเพื่อนที่จังหวัดอยุธยา
ผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมรายที่ 195 เพศหญิง อายุ 45 ปี ชาวอำเภอเมืองร้อยเอ็ด เข้ารักษาตัวที่ตึกอายุกรรมหญิง 2 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 และตรวจพบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร จำนวน 52 คน ที่ปฏิบัติงานสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยดังกล่าว จึงจำเป็นต้องแยกกักตัวทั้งหมดไว้ที่โรงแรมสาเกตนคร เพื่อให้แยกจากครอบครัวเข้าพัก และสังเกตอาการ พร้อมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการจนมั่นใจในความปลอดภัยของบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกคน
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ป่วยที่พักรักษาที่ตึกอายุรกรรมชาย 2 และ ตึกอายุรกรรมหญิง 2และตึกพิเศษมะเร็งชั้น7 จะดำเนินการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเฝ้าสังเกตอาการจนปลอดภัย อย่างน้อย 14 วัน โดยจะไม่รับผู้ป่วยรายใหม่เข้ามารักษาเพิ่มจนกว่าสถานการณ์จะปลอดภัยและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด มาจากพื้นที่เสี่ยงให้กักตัวเอง 14 วัน และหากเจ็บป่วยขอให้ความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลไทม์ไลน์ที่ชัดเจนกับบุคลากร เนื่องจากขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์ทั้งจังหวัดร้อยเอ็ดต้องอยู่ในกระบวนการการกักตัวเฝ้าดูอาการแล้วกว่า เกือบ 100 คน เพราะเป็นบุคลากรที่สัมผัสกับผู้ป่วย และงดเยี่ยมผู้ป่วยทุกกรณีเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย