เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2562  ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า กรม ทช. โดยทีมสัตวแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รายงานอาการของมาเรียม พะยูนน้อย ว่า ล่าสุดยังทรงตัว ว่ายน้ำได้เอง แต่ไม่กินนม ยังคงซึมๆ นอนบ่อย ส่วนการเต้นหัวใจสูง 128 ครั้งต่อนาที และหายใจถี่ 4 ครั้งต่อนาที โดยมีสัตวแพทย์และพี่เลี้ยงเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด สำหรับผลการวินิจฉัยอาการมาเรียม เบื้องต้นพบว่า มีการติดเชื้อในกระแสเลือดและปอดอักเสบ มีแผลในช่องปาก จนมีผลต่อความอยากกินอาหาร และมีไข้ รวมทั้งอยู่ในสภาพขาดอาหารและน้ำ ซึ่งแนวทางการรักษาคือ ให้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องอย่างน้อย 2 อาทิตย์ พร้อมเจาะเลือดเพื่อตรวจ เสริมวิตามินและสารน้ำเกลือ ทั้งนี้ หากจำเป็นอาจให้ทางเส้นเลือด และป้ายแผลในปาก ส่วนแนวทางการดำเนินการก็คือ ต้องมีการเคลื่อนย้ายมาเรียม มารักษาในบ่อพยาบาล  แต่หากมีอาการดีขึ้น และอาการปกติ จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการดีขึ้น แต่ต้องการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ควรขนย้ายมาเรียม ไปยังศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากภูเก็ต และใช้การเคลื่อนย้ายทางอากาศโดยเฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้ ล่าสุดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ยังได้เตรียมพร้อมทั้งสถานที่ และบ่ออนุบาลสัตว์ทะเล จำนวน 2 บ่อ คือ บ่อแปดเหลี่ยม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 เมตร และบ่ออนุบาลขนาดใหญ่ รวมทั้งมีระบบน้ำไหลเวียน เพื่อรองรับการอนุบาลมาเรียม รวมทั้งได้เตรียมพร้อมบุคลากร กรณีต้องรับมืออย่างเร่งด่วน

 

นายประจวบ โมฆรัตน์ ผอ.ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช. 10 (ตรัง) กล่าวว่า จากกรณีที่ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ลงมาติดตามดูอาการของมาเรียม พร้อมกับ ดร.นันทริกา ซันซื่อ ผอ.วิจัยโรคสัตว์น้ำฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวานนี้ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นพบว่า ช่วงนี้ทีมสัตวแพทย์มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลพะยูนน้อยอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ยาปฏิชีวนะ แต่หากมีความจำเป็นต้องย้ายมาเรียม ขึ้นมาจากทะเล ได้เตรียมจุดไว้ตรงบริเวณแคมป์อ่าวดุหยง ที่เจ้าหน้าที่กำลังทำงานอยู่ในปัจจุบัน โดยได้รับบ่ออนุบาลสัตว์ทะเล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร ซึ่งตอนนี้ได้เติมน้ำทะเล และหลังคาไว้เรียบร้อยแล้ว หรืออีกแนวทางหนึ่งอาจต้องย้ายมาเรียม มาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิวิชัย วิทยาเขตตรัง และอาจต้องย้ายไปที่โรงพยาบาลศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดภูเก็ต ซึ่งขณะนี้กองทัพเรือภาคที่ 3 ได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว