เผยประวัติไอ้ไข่ พ่อแม่รักดั่งไข่ในหิน เสียคนเพราะยาบ้า ก่อเหตุปิตุฆาตพ่อแม่บังเกิดเกล้า
13 พ.ค. 2564, 11:31
วันนี้ (12 พ.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีนายปิยะพงษ์ บุญญรัตน์ อายุ 41 ปี หรือชื่อเล่น “ยะ” เสพยาบ้าจนหลอนหนัก สุดท้ายก่อเหตุปิตุฆาตโดยใช้มีดอีโต้ฟันคอพ่อและแม่ของตัวเองที่อายุมาก เสียชีวิตในบ้านพักเลขที่ 14 ม.3 บ้านเหล่ากล้วย ต.เสอเพอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 11 พ.ค.64 จากนั้นเตรียมขุดดินฝังหลุมพ่อและแม่ของตัวเองเพื่ออำพรางคดี เป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจคนในหมู่บ้านอย่างมาก
ต่อมา ตร.สภ.กุมภวาปีได้เดินทางมาเกลี้ยกล่อมและบุกเข้าชาร์ทจับกุมตัวได้สารภาพอ้างพ่อแม่จะนำควายตัวเมียแม่ลูกอ่อนอายุ 4 ปีไปขาย จึงทำให้โมโหลงมือก่อเหตุดังกล่าว และ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ตร.ภูธร จ.อุดรธานีเดินทางมาสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตนเอง โดยนายปิยะพงษ์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือจริง เหตุเกิดเมื่อประมาณ 21.00 น.ของเมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ขณะที่พ่อและแม่กำลังจะนอนหลับภายในบ้าน ตนเองใช้เท้าถีบประตูเข้าไป แล้ว ใช้มีดอีโต้ 2 ดวงที่ถืออยู่ในมือฟันไปที่คอแม่ก่อน เห็นแม่เอามือป้องปัดตนก็ฟันเข้าไปอีก พอแม่ล้มลงก็หันไปทางพ่อแล้วใช้มีดฟันไปที่คอของพ่อหลายครั้งจนล้มลงอีก พอลงมือเสร็จก็ไม่ได้ไปไหนก็นั่งเล่นแถวๆ บ้าน พอเวลาประมาณตี 4 จึงใช้จอบขุดหลุมข้างๆ บ้านจะนำศพพ่อและมาฝัง แต่ตอนเช้ามีชาวบ้านมาเห็นตนเองก็บอกไม่ให้มายุ่ง แล้วก็มีตร.เข้ามาจับกุมตนเอง
สำหรับประวัตินายปิยะพงษ์ หรือ ยะ เป็นลูกคนสุดท้ายของนางละออง บุญโยรัตน์ 67 ปี และนายพิสิฐ บุญโยรัตน์ 74 ปี ผู้เสียชีวิตทั้งสอง และเป็นลูกชายคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 4 คน โดยครอบครัวของคุณยายละอองและนายพิสิฐมีลูก 4 คนลูกสาว 3 คนและลูกชาย 1 คนคือนายปิยะพงษ์มีอาชีพเลี้ยงวัวเลี้ยงควายและเลี้ยงหมูขายส่งลูกเรียนหนังสือ แต่ก่อนนายปิยะพงษ์เป็นคนดีหลังจบการศึกษาก็ได้ทำงานมั่นคงอยู่บริษัทขายรถแห่งหนึ่ง พี่สาวทั้ง 3 คนและพ่อแม่รักมาก เพราะถือว่าเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว แต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วถูกไล่ออกจากงานเนื่องจากบริษัทจับได้ว่าเสพยาเสพติด จากนั้นก็มาพักอาศัยอยู่กับพ่อแม่บ้านหลังเกิดเหตุ ด้วยความหวังดีของพ่อและแม่และพี่สาวทั้ง 3 คนเห็นไม่มีงานทำจึงซื้อควายเพศเมียไว้ให้เลี้ยง 1 ตัว ช่วงแรกนายยะก็ตั้งใจทำมาหากินเลี้ยงควายของตนเองที่พ่อแม่ซื้อไว้ให้เพื่อสร้างทุนให้แต่มาระยะหลังกลับไปมั่วสุมกับวัยรุ่นในหมู่บ้านจนการเสพยาแทบทุกวัน มาขอเงินแม่ทุกวัน ด้วยหัวใจของแม่ที่รักลูกชายคนเดียวมากก็เก็บหอมรอมริบให้ จากเม็ดเดียวเป็นวันละหลายเม็ดจนคลั่งและหลอน
โดยคืนวันก่อนเกิดเหตุนายยะเสพยาจนคลั่งจนหลอนหนักจูงเอาควายในคอกที่ตั้งท้องอยู่จะไปขายให้คนในหมู่บ้าน แต่พ่อและแม่ห้ามเอาไว้ว่า และเตือนลูกว่าซื้อไว้ให้เป็นทุนรอนของตัวเองจะขายไปทำไม และมีการทะเลาะกันจนผู้ใหญ่บ้านต้องมาห้ามปรามจนเรื่องสงบ และนางอนงค์ ใจมั่นลูกนายของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ก็มาชวนพ่อและแม่ไปนอนด้วยแล้วเพราะห่วงความปลอดภัย แต่แม่ก็รักลูกและไม่คิดว่าลูกจะทำร้ายจนเสียชีวิต แต่ผิดคาดเวลาประมาณ 3 ทุ่มของคืนวันที่ 11 พ.ค.64 นายยะก็ได้จูงควายไปฝากไว้บ้านเพื่อน จากนั้นก็เดินกลับมาที่บ้านถีบประตูห้องของพ่อกับแม่ที่นอนอยู่ก่อนจะใช้มีดอีโต้ฟันคอบุพการีของตนเองจนเสียชีวิตดังกล่าวและเตรียมขุดดินฝังร่างของพ่อและแม่ข้างๆ บ้านเพื่ออำพรางคดี ส่วนที่นายยะอ้างว่าพ่อและแม่จะเอาควายไปขายแล้วจะใช้ปืนแก๊ปยิงตัวเอง ชาวบ้านยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเพราะคุณตาพิสิฐหรือบุญส่งไม่มีปืนแก๊ปแต่อย่างใด และสอบถามเพื่อนบ้านแล้วนายยะต้องการเอาควายที่พ่อและแม่ซื้อให้ไปขายเพื่อนำเงินไปซื้อยาเบ้ามาเสพเท่านั้นเอง แถมอาฆาตไว้อีก กูออกมาได้จะฆ่าพี่สาวให้หมด นับเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจสังคมไม่น้อยเมื่อลูกชายเสพยาจนหลอนฆ่าได้กระทั่งพ่อและแม่ที่ให้บังเกิดเกล้าตัวเอง