"สาวจัดเต็ม" แชร์ประสบการณ์การรักษาโรคโควิด-19 รพ.เอกชน อย่างละเอียด !
18 พ.ค. 2564, 11:02
ล่าสุด(17พ.ค.64) ทางด้านเฟซบุ๊ก Kurnan Umkaew ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การรักษาโรคโควิด-19ที่โรงพยาบาลเอกชนที่มีสิทธิ์ประกันสังคมโดยตรง และมีประกันโควิดควบด้วย โดยได้เผยว่า
"เราอยากจะมาขอ #แชร์ประสบการณ์ตรง และข้อควรรู้ #วิถีชีวิตผู้ป่วยโควิด แต่อยู่บนความเฉพาะของแต่ละหน่วยที่ รพ. ส่งไปรักษา ในฐานะผู้ป่วยและได้อยู่ Hospitel หรือโรงแรมที่ปรับใช้เป็นสถานที่กักตัวของผู้ติดเชื้อ คิดว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายคน หากเกิดติดเชื้อ หรือต้องการเตรียมความพร้อมต่างๆ เพราะโควิดไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว
กระบวนการทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่บัดนี้ล่ะค่าา
-12 พฤษภาคม 2564 วันตรวจหาเชื้อ
เราได้ไปทำการตรวจโควิด ด้วยสิทธิ์ประกันสังคมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีอาการ แต่ไปตรวจเพื่อเป็นการนำผลตรวจไปส่งให้ออฟฟิศ และที่ออฟฟิศเดิมมีคนติด 2 คน
ซึ่งขั้นตอนมีแค่ใช้บัตรประชาชน ยื่นขอรับการตรวจแบบ SWAB หมอจะเรียกไปรับคิว แล้วมารอเรียกคิว ต้องตะแคงหูฟังเสียงเรียกหน่อย เพราะหมอเรียกชื่อเบามาก เซ็นเอกสารก่อนตรวจ และแจ้งว่ารอรับผลอีก 2-3 วัน เข้าคิวแหย่จมูกรัวๆ 2 ข้าง หมอปั่นเก่งจนน้ำตาไหล เดินออกมาก้มหน้าเช็ดน้ำตากันทุกคน ในใจการมาตรวจครั้งนี้ คือ ตรวจเอาความสบายใจแหละ ไม่พบอาการใดๆ คิวกล้วยน้ำไท ไม่ชัวร์ว่า เช้า บ่าย 50/50 หรือ 100/100 ไม่รู้เหมือนกัน แต่แนะนำให้ไปรับคิวก่อนช่วงเริ่มต้นของรอบ จะได้ไม่รอนาน แต่ทั้งนี้ กล้วยน้ำไท ยังมีบริการตรวจหาเชื้อรู้ผลภายใน 2-3 วัน ในราคา 3,500 บาท ให้สอบถามรายละเอียดกับทาง รพ. โดยตรงอีกทีนะ
- 13 พฤษภาคม 2564 วันธรรมดาวันนึง
พักอยู่ที่ห้อง สั่งอาหารกิน ใช้ชีวิตปกติ ล้างมือตลอด ลงไปรับอาหารสวมแมส นอนหลับ
- 14 พฤษภาคม 2564 วันรู้ผล โอ้วไม่!
ตื่นมาด้วยความที่ต้อง WFH ปกติ เห็นสายที่ไม่ได้รับเมื่อ 09:30 พยายามโทรกลับแต่ไม่ติด ปรากฎ 1 ชั่วโมงต่อมา เป็น รพ.กล้วยน้ำไท โทรมาแจ้งผลว่า “ติดเชื้อเด้อ” เรายืนตัวแข็งไปแปปนึง แล้วตอบกลับไปแค่ว่า “ห่ะ คือติดเชื้อใช่ไหมคะ?” เผื่อหูฟาด จนได้ความว่าใช่แล้ว
- ฟังดีๆ เพราะทาง รพ. จะให้ Add Line เพื่อส่งผลการตรวจมาให้ และข้อมูลเตรียมของตามลิสท์ (รูปในคอมเม้นต์) แม้ว่าใจจะสั่น และเกิดอาการตกใจ แต่ต้องตั้งสติ เพราะต้องเขียนข้อมูลส่วนตัวและไทม์ไลน์ย้อนหลังถึง 14 วัน ส่งให้หมอแต่เราคิดไม่เยอะ เพราะไปไม่กี่ที่ เซเว่นข้างตึกล้วนๆ รับข้าวใต้ตึก นั่งวิน ออกไปขึ้นบีทีเอส ไปออฟฟิศบ้าง
สำหรับ 13 เรื่องที่เราอยากบอก ขอเล่าตามประสบการณ์ตรง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อใครหลายคน คลิกดูได้ตามรูปถัดไป เนื้อหาอยู่ในแคปชั่นจ้า"
1. ไทม์ไลน์ที่ครบถ้วน
แนะนำให้เปิด Google Maps ในการติดตามพิกัด หากคิดว่าความจำไม่ค่อยดี หรือไม่เคยได้จดไว้
2. ซักผ้าไหมล่ะ
แนะนำหลังจากไปตรวจหาเชื้อ ให้รีบกลับมาซักเสื้อผ้าที่กองอยู่ เผื่อตรวจเจอผล จะได้ไม่นั่งมองกองผ้าหว่องๆ แบบเรา เพราะต้องเตรียมเสื้อผ้า 10-14 ชุด ประหนึ่งไปเก็บตัวครึ่งเดือน กองผ้ายักษ์ยังไม่ได้ซักเลยจ้า
3. กรมธรรม์ ประกันโควิด ได้ใช้แล้วสินะ
เก็บเลขที่กรมธรรม์และดาวน์โหลดรายละเอียดไว้ เพื่อส่งให้หมอตรวจสอบว่าจะใช้สิทธิ์รักษาอะไรได้บ้าง ของเราใช้ประกันสังคม + ประกันโควิด ที่มีวงเงินรักษา แต่ประกันเจอจ่ายจบ รพ. จะไม่ได้รับพิจารณาใช้รักษา เพราะเป็นส่วนเงินก้อนที่เราต้องไปทำเรื่องเคลมรับเงินเอง หลังการรักษาให้ขอเอกสารรักษาทางการแพทย์ ตามที่ประกันโควิดร้องขอ เพื่อโอนเงินก้อนให้เรา
4. สิทธิ์การรักษา
ใช้ควบได้ ในกรณีของเรา รพ.กล้วยน้ำไท จะมีเจ้าหน้าที่ประสานสิทธิ์ประกัน โทรมาคุยว่าเรามีประกันอะไรคุ้มครองบ้าง เพื่อจัดหาสถานที่ให้ ซึ่งส่วนตัวอันนี้คิดว่า วงเงินการรักษาและความคุ้มครองในกรมธรรม์ มีผลต่อสภาพ Hospitel ที่จะเราไปอยู่
จริงๆ แล้ว เราจะได้ไปอยู่อีกที่นึง เราถามย้ำๆ เพราะอยากตามไปส่องสถานที่ก่อนว่าโอเคไหม แต่ก็ งง ว่าพอรถมาส่ง กลับเป็นอีกสถานที่นึง แต่ก็ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไร หรืออาจเพราะห้องพักอีกแห่งเต็มแล้ว ก็อาจจะเป็นได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหมอและทีมงานแพทย์เป็นหลัก แต่เคสเราคือ ประกันสังคม + ประกันโควิด (ตัวที่มีวงเงินรักษา)
5. การเตรียมของ
จากลิสท์ของที่หมอให้มา เราไม่ได้เอาหมอน ผ้าห่ม เพราะส่องแล้วว่าอยู่โรงแรมแน่ๆ คงจะมีให้ และไม่ไหวจะหอบ ส่วนผ้าปิดตา อาหารเสริม ยาประจำตัว ไม่มีอยู่แล้ว ส่วนกาน้ำอุ่น ไม่พกไป เพราะกินน้ำอุณหภูมิห้องได้ ปรากฏว่าในห้องมีให้ แต่ไม่ได้ใช้เลย เสื้อผ้าก็หยิบเท่าที่จะมีใส่ได้ 10 กว่าวัน
6. รถ รพ จะมารับเมื่อไหร่?
เคสเรา หมอจะไม่ได้บอกเวลาชัดเจนว่าจะมารับกี่โมง ของเราแจ้งว่าช่วงบ่ายๆ แต่พอบ่าย บอกว่าจะมารับเย็น พอเย็น บอกจะมามืดๆ ซึ่งเรารู้ผล 10:30 แต่รถมารับ 21:30 นับเป็นกว่า 11 ชั่วโมง ที่นั่งมองพระอาทิตย์จนลับฟ้า เพราะหมอบอกจะมามืดๆ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เพราะจะมีการจัดคิวรถในการรับส่งผู้ป่วยในละแวกย่านเดียวกัน ไปส่ง ณ Hospitel เดียวกัน ซึ่งคงต้องใช้เวลานานในการจัดระบบคิวรถ
อันที่จริงแอบตกใจตอนขึ้นรถ นึกว่ารถตู้โดยสาร ตจว. แวะรับหลายจุด รอบเรารับ 5 คน นั่งเงียบกริบกันเลย
การลงจากตึกคอนโด คือ เดินลงบันไดหนีไฟ 7 ชั้น ตามคำขอของนิติ เพื่อเซฟชีวิตผู้ร่วมอาศัยคนอื่นๆ สะพายเป้ ลากกระเป๋า หิ้วตุ๊กตานำโชค 1 ตัว มายืนรอริมถนนฝั่งตรงข้ามคอนโด เพราะรถ รพ จะไม่วนเข้าไปรับใต้ตึก รีบขึ้นรีบไป ช่วงเปิดไซเรนตอนวิ่งบนถนนหลัก ทำเอารู้สึกใจหายที่เรากลายเป็นผู้ป่วยโรคโควิดเอาจนได้
7. การเดินทางสู่ Hospitel แอนดา รามคำแหง ใกล้ รพ. รามคำแหง
7.1 ลงรถปุ๊บ หมอจะมาขอบัตรประชาชนเราไปลงทะเบียน
7.2 วัดอุณหภูมิ เจาะเลือด วัดความดัน วัดออกซิเจน และเอกซเรย์ปอด ทั้งหมดใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที
7.3 รับยา 4 แผง คือ ยาลดการหลั่งกรดในกะเพราะ (ปรับความเครียดของการเปลี่ยนสถานที่กินอยู่ ที่อาจกระทบต่อลำไส้) วิตามินซี 500 MG เพิ่มภูมิคุ้มกัน ที่จำเป็นต้องกินทุกวันก่อน/หลังอาหาร ส่วนยาลดไข้ และ แก้ไอ เป็นยาใช้ตามอาการ ไม่มี ไม่ต้องกิน
7.4 Add Line : หน่วย Hospitel เพื่อส่งรูปการวัดอุณหภูมิประจำวัน และหากมีข้อสงสัยใดๆ ให้ถามในไลน์ได้
7.5 คืนบัตรประชาชนพร้อมคีย์การ์ดห้อง ห้องนึง พักได้ 2 คน หมอจับคู่ให้เรา จากคนที่ไปรับมาด้วยกัน โชคดีเราได้อยู่กับน้องผู้หญิง สบายๆ
8. แอนดา รามคำแหง
ที่นี่มีห้องพักหลายสิบห้อง แบ่งเป็นชั้นๆ ไม่มีลิฟท์ ใช้บันไดขึ้นลงเป็นหลัก
ชั้นล่าง โซนคัดกรอง รอรับผู้ป่วย และจุดฝากวางของที่มาส่งให้ผู้ป่วย
ชั้น 2 ห้องพักหมอ พิกัดรับอาหารน้ำ ทั้ง 3 เวลา ลงมาวัดอุณหภูมิ วัดความดันที่นี่
ชั้น 3 เราพักอยู่ชั้นนี้ ในห้องเตียง Twin เตียงใครเตียงมัน
9. การรับอาหาร น้ำ วัดอุณหภูมิ วัดความดัน ประจำวัน
ที่นี่แปลก เพราะต้องลงมารับอาหารและน้ำทุก 3 เวลา 08:00 / 12.00 / 17.00 ต้องได้พบปะผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่ลงมารับข้าวเหมือนกัน ทั้งที่ในชีวิตปกติจริงๆ เราอาจจะไม่ได้เจอผู้ป่วยมารวมตัวกันเยอะเท่านี้ 5555 แล้วฉันจะหายได้ยังไง ในเมื่อฉันต้องลงมาเจอผู้ป่วยคนอื่นทุกวัน ส่วนข้อดีคือได้ยืดเส้นยืดสายบ้าง แวะมองต้นไม้ระหว่างทาง
การวัดอุณหภูมิ ก็เป็นเครื่องเซ็นเซอร์เหมือนในเซเว่น ตั้งอยู่ข้างๆ โต๊ะวางข้าว ให้เราเอามือถือลงไปถ่ายรูปแล้วส่งให้หมอทางไลน์ ทุกเช้าเย็นถ้าไม่อยากลงมาวัดอุณหภูมิร่วมกับคนอื่นก็ต้องจ่าย/หักจากประกัน 400 บาทเพื่อซื้อปรอทวัดไข้ส่วนตัว แต่เราคิดว่าไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ต้องลงมารับข้าวอยู่แล้ว ก็วัดๆ จากตรงนี้ไปเลย ส่วนใครที่หมอกำชับว่าต้องวัดความดัน ก็วัด เอาแขนสอดที่เครื่อง กดปุ่ม ถ่ายรูปส่งทางไลน์แบบเดียวกัน ส่วนเราหมอไม่ได้ระบุมา เลยไม่ต้องวัดความดัน
10. การใช้ชีวิตภายในห้อง
ด้วยความที่ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน แบบโรงแรมทั่วไป แอร์ ทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็นเล็ก ไดร์เป่าผม ไม้แขวนเสื้อ สัญญาณอินเตอร์เน็ตฟรี โทรศัพท์ภายใน (ที่หมอชอบโทรมาถามหาชื่อคนที่ไม่มีในห้อง) หมอนสองใบ เตียงนุ่มกำลังดี ผ้าห่มหนา โคมไฟ (ไฟแรงแสบตามาก ส่องสว่างถึงดวงจันทร์) แต่อย่าคาดหวัง หน้าต่างและระเบียง เพราะห้องที่เราอยู่ Type ที่เราอยู่ ไม่มี มีแค่ช่องหน้าต่างแคบๆ มองเห็นตึกข้างนอก พอให้แสงส่องเข้ามา และไม่ได้ช่วยให้สดชื่นแต่อย่างใด ให้สดชื่นทิพย์ด้วยจินตนาการของเราเองไปก่อน
11. อาหารการกินและการซื้อของนอก Hospitel ทำทุกอย่างเหมือนอยู่บ้าน เพราะอาหารใน Hospitel อาจไม่ถูกปาก และปริมาณน้อยไม่พออิ่ม เราสามารถสั่งของกิน ของใช้ ผ่านแอปต่างๆ ให้มาส่งใต้ตึก ณ จุดฝากวางของ แล้วลงไปรับเอง พยายามเลือกจ่ายตัดบัตรออนไลน์ ลดการเจอหน้าไรเดอร์ เซเว่น ฝั่งตรงข้ามโรงแรมจะไม่มีค่าส่ง หากสั่งของกินให้อุ่นหรือเวฟมา เพราะไม่มีไมโครเวฟในห้อง หรืออยากกินอะไรร้านไหนก็สั่งเลย เพราะเราสั่งตำปูปลาร้ามาแล้ว ก็คงไม่มีอะไรที่สั่งไม่ได้แล้วล่ะ ล่าสุดเห็นมีคนส่งกระสอบอะไรไม่รู้ ใหญ่โต หม้อชาบูรึเปล่า ตอนนี้อยากต้มมาม่ากินแล้ว แต่ก็เอาแต่พอประมาณเนอะ เพราะในห้องมีเครื่องดักจับสัญญาณควัน ไม่แนะนำให้เล่นใหญ่กระเฉดไฟแดง
12. ควรพกอะไรมาบ้าง
สำหรับ Hospitel แอนดา รามคำแหง นอกเหนือจากลิสท์รายการของหมอ ให้เตรียมหน้ากากอนามัยมา 1 แพค ครบ 14 วันเลย กระดาษทิชชู่ม้วน สำหรับใช้เข้าห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน สก็อตไบร์ท ปลั๊กพ่วงเผื่อไว้ ถ้าคิดว่าต้องซักผ้า แนะนำให้พกผงซักฟอง น้ำยาปรับผ้านุ่ม มาซักในอ่างล้างหน้า หรือให้เพื่อนส่งกะละมังมาให้ พร้อมแปรง ซักผ้าแก้เหงา แต่จะไม่มีที่ตาก แขวนตากในห้องน้ำแหละ คิดว่า ฉะนั้นควรซักผ้าก่อนได้เข้ามาอยู่ที่นี่ จะดีที่สุด
13. การติดต่อหมอ/พยาบาล หากเกิดอาการผิดปกติ
จากที่ Add Line คุณหมอ เราสามารถไถ่ถาม ส่งข้อข้องใจ ไปได้ตลอด ไม่ว่าจะแอร์รั่ว หรือ ร่างกายมีความผิดปกติ ให้สื่อสารกับคุณหมอตลอด หากคุณหมอไม่ตอบกลับ หรือไม่อ่านไลน์ สามารถลงไปหาได้ที่ชั้น 2 และโบกมือทักกวักมือเรียกได้ หมอก็จะออกมารับเรื่อง
แต่หากมีเรื่องอะไรจากฝั่งคุณหมอ ก็จะคอลไลน์ ไม่ก็โทรมาหาเราเป็นการส่วนตัว เช่น การนัดตรวจรอบ 2 ในวันพุธนี้ คุณหมอก็ไลน์มาบอก คร่าวๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราคัดมาเล่าให้ฟัง เผื่อใครอยากอ่าน แต่ข้อจำกัดของ Hospitel / รพ.สนาม แต่ละสถานที่ มีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับจำนวนบุคลากร อุปกรณ์ ความพร้อมของสถานที่ ซึ่งอาจจะเตรียมของเท่าที่จำเป็นก่อน แล้วไปแสวงหาเพิ่มหลังเข้าไปอยู่จริง ถึงจะรู้ว่าขาดเหลืออะไร อ้ออ แล้วก็พกน้ำมา 1 ขวดลิตร เผื่อ รพ. ผลิตน้ำดื่ม ส่งผู้ป่วยไม่ทันในตอนกลางคืน ก็ติดตัวมาสักหน่อย ไม่ก็กดสั่งผ่านแอปเลยจ้าา อย่ารอ อย่าทรมานตัวเอง เพราะเราต้องกินยา และเราขาดน้ำไม่ได้