วันนี้ ( 18 พ.ค.64 ) ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยในประเด็นการฉีดวัคซีนว่า ผมได้ประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติไปแล้ว รัฐบาลมีแผนการกระจายวัคซีน 3 ช่องทาง โดยช่องทางแรก คือ ระบบหมอพร้อมซึ่งมีผู้ลงทะเบียนแล้วประมาณ 7 ล้านคน สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และจะเปิดให้กลุ่มอายุต่ำกว่า 60 ปี ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 31 พ.ค.นี้ ซึ่งผู้ลงทะเบียนจะเลือกโรงพยาบาล และวันเวลาเองได้ หรืออาจเป็นระบบอื่นๆของแต่ละจังหวัด

ช่องทางที่สอง วิธีเสริมจากช่องทางของระบบหมอพร้อม คือการลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน ในกรณีที่มีวัคซีนสนับสนุนเพียงพอ ก็จะมีการพิจารณาจัดเตรียมในช่องทางนี้ให้มากที่สุด แต่หากวัคซีนไม่พอก็ต้องนัดไปวันใหม่ ไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง

ช่องทางที่สามคือการกระจายวัคซีนเชิงยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้กลุ่มบุคคลเฉพาะ เช่น กลุ่มเสี่ยง บุคลากรด่านหน้า พนักงานด้านการบิน ครูอาจารย์ ผู้ขับขี่รถยนต์จักรยานยนต์ ขนส่งสาธารณะ พนักงานโรงแรม คณะการทูต นักธุรกิจ นักเรียนนักศึกษาที่ต้องเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือกลุ่มใดที่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้จัดทำหนังสือมาเป็น กลุ่มคณะส่งมาที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ได้กำหนดเป้าหมายการระดมฉีดวัคซีนแบบปูพรม ให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ให้ได้อย่างน้อย จำนวน 5 ล้านคน หรือ 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายใน 2 เดือนคือมิถุนายนถึงกรกฎาคม พร้อมเพิ่มอีก 25 จุดเสริมในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนสามารถได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง และย้ำว่าตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ระดมฉีดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศและรัฐบาลจะจัดเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับวัคซีนที่จะฉีดให้กับประชาชน