เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"กาญจนบุรี" พบผู้ติดเชื้อโควิด เพิ่มอีก 2 ราย รวมสะสม 290 ราย


20 พ.ค. 2564, 16:45



"กาญจนบุรี" พบผู้ติดเชื้อโควิด เพิ่มอีก 2 ราย รวมสะสม 290 ราย




วันที่ 20 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ข้อมูลประจำวันที่ 20 พ.ค.64 ระบุว่า ปัจจุบันจังหวัดกาญจนบุรีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 ในพื้นที่สะสมจำนวน 290 ราย มีผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 2 ราย มีภูมิลำเนาในพื้นที่  11 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ทองผาภูมิ 42 ราย อ.เมือง 71 ราย อ.ท่าม่วง 51 ราย อ.ไทรโยค 2 ราย อ.พนมทวน 30 ราย อ.ท่ามะกา 49 ราย อ.ด่านมะขามเตี้ย 2 ราย อ.ห้วยกระเจา 1 ราย อ.หนองปรือ 23 ราย อ.บ่อพลอย 16 ราย อ.เลาขวัญ 2 ราย และนอกจังหวัด 1 ราย เป็นผู้ป่วยชาย 121 ราย และหญิง 169 ราย

 

สำหรับผู้ป่วยที่รักษาหาย มีจำนวน 5 ราย หายป่วยสะสม จำนวน 187 ราย รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล จำนวน 100 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ที่พบในวันนี้ จำนวน 2 ราย เป็นรายที่ 289 - 290 ข้อมูลดังนี้

รายที่ 289 ผู้ป่วยชาย อายุ 75 ปี อยู่ในพื้นที่ ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง ตรวจพบเชื้อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 แหล่งติดเชื้อ สัมผัสผู้ป่วยรายที่ 211 เข้ารับการรักษา โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19

รายที่ 290 ผู้ป่วยหญิง อายุ 24 ปี อยู่ในพื้นที่ ตำบลรางสาลี่ อำเภอท่าม่วง ตรวจพบเชื้อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 แหล่งติดเชื้อ สัมผัสผู้ป่วยรายที่ 268,269,270 เข้ารับการรักษา โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19

 

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้นำผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว และในส่วนของสถานที่เสี่ยง ผู้สัมผัสใกล้ชิด ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกับ ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นจะออกประชาสัมพันธ์ในสถานที่ที่ผู้ป่วยได้มีการไปในสถานที่ต่างๆ ตามข้อมูลที่ผู้ป่วยให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นจะทำความสะอาดฆ่าเชื้อและแจ้งให้ผู้ที่ไปในสถานที่นั้นตามวันและเวลาที่ตรงกับผู้ป่วยเข้ารายงานตัวเพื่อตรวจหาเชื้อและกักตัวเฝ้าสังเกตอาการต่อไป

 

ส่วนประชาชน ขอให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือเมื่อมีการสัมผัสทั้งตัวบุคคล และวัตถุต่างๆ เว้นระยะห่างในการอยู่ร่วมกัน และงดการเดินทางหากไม่จำเป็น “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ” ป้องกันทั้งตนเองและผู้อื่น

 

สำหรับ สคร. แพทย์หญิงรพีพรรณ โพธิ์ทอง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า  ในช่วงนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว หลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตกอย่างต่อเนื่องอากาศเย็นลงและมีความชื้น ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมือ เท้า ปาก ที่มักพบบ่อยในช่วงนี้ ประกอบกับเป็นช่วงปิดเทอมของสถานศึกษาเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19 เด็กๆ จะอยู่บ้านกับครอบครัว พ่อแม่ ผู้ปกครองจึงต้องดูแลบุตรหลานและสังเกตอาการป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก เพราะอาจป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก เนื่องจากเป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบมากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว

 

สำหรับอาการของโรคมือ เท้า ปาก จะเริ่มด้วยมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ต่อมา 1-2 วัน มีอาการเจ็บปาก ร่วมกับมีตุ่มพองเล็กๆ บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ตุ่มแผลในปาก เพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม ลิ้น ต่อมาจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ  หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีไข้ขึ้นสูง ซึมลง เดินเซ ชัก เกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจติดเชื้อโรคมือ เท้า ปากชนิดรุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

 

แพทย์หญิงรพีพรรณ กล่าวแนะนำว่า พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องดูแลและสังเกตอาการของบุตรหลานในช่วงที่อยู่บ้านอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กเล็กอาจบอกอาการเจ็บป่วยของตนเองไม่ได้ โดยวิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก มีดังนี้...

1.ลดการสัมผัสเชื้อ ไม่นำมือที่สกปรกสัมผัสใบหน้า เพราะเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพองหรืออุจจาระของผู้ป่วย ซึ่งมักจะติดอยู่บนมือแล้วนำเข้าปากหรือจับของเล่น ของใช้ ทำให้เชื้อกระจายสู่ผู้อื่นได้  2.หมั่นทำความสะอาดของใช้และของเล่นของเด็กเป็นประจำ และเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท 3.หมั่นให้เด็กล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหารหรือเข้าห้องน้ำ เพื่อลดเชื้อสะสมบนมือและลดการแพร่สู่ผู้อื่น และ 4.หากบุตรหลานป่วย ให้เด็กสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย   ไม่พาเด็กป่วยไปในสถานที่แออัด แยกของใช้ส่วนตัวและไม่ให้คลุกคลีกับคนอื่นๆ

 

ทั้งนี้ หากบุตรหลานมีอาการป่วยตามลักษณะข้างต้น ควรพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป และวิธีป้องกันโรคดังกล่าวสามารถป้องกันได้ทั้งโรคมือ เท้า ปาก โรคโควิด 19 และโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่นๆ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี เบอร์ติดต่อ 032 – 310804 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

 

 



 


 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.