บุกจับ ! "ลูกชาย" เจ้าของห้างทองชื่อดังเมืองกาญจน์ ปมฟอกเงิน - พัวพันยาเสพติด อายัดทรัพย์ค่ากว่า 30 ล้านบาท
27 พ.ค. 2564, 16:03
วันที่ 27 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ รอง ผบ.พล.ร.9 พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ร.19 / ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.ภาคิน แสนพุฒิ ผกก.สส.ภ.จว.กาญจนบุรี ปปส.ภาค 7 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ สยบไพรี บช.ปส. นำหมายจับศาลอาญาที่ 286/2564 ลงวันที่ 27 พ.ค.64 เข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมตัว นายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของห้างทองชื่อดังของเมืองกาญจน์ ตามแผนยุทธการสยบไพรี 64/8 “สยบตะนาวศรี”
ในห้อหากระทำความผิด “ฐาน สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด รับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดเพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดถูกลงโทษ ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
โดยก่อนเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้ไปรวมตัวกันที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเตรียมความพร้อม จากนั้นได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ทองชื่อห้างเพชรทองทรัพย์ทวี และนาฬิกา ทองแท้เยาวราช เลขที่ 2/67 ถ.อู่ทอง ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ระหว่างเดินทางปรากฏว่าการจราจรของถนนสายดังกล่าวรถค่อนข้างติดแต่เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการสยบไพรี ไปถึงถนนฝั่งตรงข้าม พบว่าห้างทองดังกล่าวดังยังเปิดให้บริการแก่ลูกค้าตามปกติ โดยมีเจ้าของร้านทองและครอบครัวอยู่ภายใน จากสถานการด่านการจราจรที่ติดขับ เจ้าหน้าที่จึงลงจากรถยนต์ตู้แล้ววิ่งข้ามถนนไปคุมตัวผู้ที่อยู่ในร้านเอาไว้ จากนั้นได้อ่านหมายจับและหมายค้นให้ผู้ที่อยู่ในร้านได้เข้าใจ ซึ่ง 1 ในนั้นมี นายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของห้างทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับอยู่ด้วย
โดยระหว่างนั้นนอกจากมีเจ้าหน้าที่แล้วยังมีสื่อมวลชนทุกสำนักคอยติดตามรายงานข่าวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับญาติของผู้ต้องหาเป็นอย่างมาก และยังได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ห้างทองแห่งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องคดี หากมีการนำเสนอภาพป้ายชื่อร้านหรือภาพภายในร้านออกไปจะไม่ยอมโดยเด็ดขาดเพราะจะเป็นการทำให้ห้างทองเสียชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าของร้านยินดีที่จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นตามหมายค้นได้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้วย สำหรับบรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียดพอสมควร
ต่อมาเวลา 11.20 น.พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ข้างต้น ได้เดินทางมาสั่งการการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ต้องหาที่ออกหมายจับ โดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ได้มีการพูดคุยกับเจ้าของห้างทอง พ่อของผู้ต้องหา รวมทั้งลูกสะใภ้ ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ต้องหา การพูดคุยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ จากนั้น พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่บริเวณด้านหน้าห้างทองดังกล่าวทันที โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 แถลงถึงความเป็นมาของคดีดังกล่าว
โดยพล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 กล่าวว่าจากสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้าชายแดนทางทิศตะวันตกด้านอำเภอสังขละบุรี เพื่อนำจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และใกล้เคียง ซึ่งในรอบปีงบประมาณ พ. ศ. 2562-2564 ได้ตรวจยึดยาเสพติดประเภทยาบ้าได้เป็นจำนวนมาก ยาไอซ์ น้ำหนักประมาณ 3,217 กิโลกรัม เคตามีนน้ำหนักประมาณ 591 กิโลกรัม และเฮโรอีนน้ำหนักประมาณ 77 กิโลกรัม
จากการจับกุมและซักถามผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทราบว่า มีกลุ่มผู้กระทำผิดอยู่ 4 กลุ่ม คือ เอวัน ผู้นำกลุ่มกองกำลังแนวชายแดนซึ่งเป็นกลุ่มจัดหายาเสพติด นายสุทัศน์ หรือนุ้ย เดชคำ นักค้ายาเสพติดรายสำคัญซึ่งหลบหนีไปอยู่เขตพญาตองซู ตรงข้ามกับบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เป็นกลุ่มสั่งการและจัดหาผู้ลำเลียง ยังมีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดและนำยาเสพติดเข้ามาในเขต จ.กาญจนบุรี
เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินค่ายาเสพติดที่ผู้ต้องหาโอนเข้าบัญชีรับเงินค่ายาพบว่าได้โอนเงินไปยังกลุ่มนักทำบัญชี จากนั้นเงินถูกโอนต่อไปยังกลุ่มฟอกเงินรวมถึงร้านค้าทองคำ ซึ่งร้านดังกล่าวมีความเชื่อมโยงทางการเงินกับเครือข่ายมลยี จาก จ.กาญจนบุรี ไปยังกลุ่ม อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีเงินหมุนเวียน มากกว่า 2,000 ล้านบาท
จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน รวม 11 หมาย ฐานสมคบฯ สนับสนุนฯ ฟอกเงินฯ และสมคบฟอกเงินฯ เพื่อจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดและตัดเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงินดังกล่าว จึงเป็นที่มาของปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นตามแผนยุทธการ “สยบตะนาวศรี”ในครั้งนี้
และจากผลการปฏิบัติในครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายวิฑูร เพิ่มพูนภิณโย 2.น.ส.กานต์รวี หอระบรรณ์ 3.นายธวัชชัย หรือมด เดชสาร 4.นายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของห้างทองที่เข้าจับกุมในวันนี้ และ 5 น.ส.นิรดา ไกรวิจิตร ส่วนผู้ต้องหาอีก จำนวน 6 คน ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ
สำหรับทรัพย์สินที่ยึดอายัดเอาไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 1 หลัง 3 คูหา ราคาประมาณ 7,000,000 บาท ทองรูปประพรรณ ราคาประมาณ 13,000,000 บาท รถยนต์เก๋ง จำนวน 4 คัน มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน มูลค่าประมาณ 70,000 บาท และเงินสด จำนวน 5,000,000 บาท รวม 30,070,000 บาท
ด้าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบเบื้องต้นว่าเจ้าของร้านทองมีคดีฟอกเงิน ของ ป.ป.ง.หลายคดี แต่เมื่อสักครู่ก็ได้เรียนกับเจ้าของร้านไปแล้วว่าในการค้ายาเสพติดหรือเส้นทางการเงินที่เข้ามาสู่ร้านนั้นมีหลายเคสหลายคดี ซึ่งเคสนี้เป็นเคสที่มีความชัดเจน โดยสำนักงาน ป.ป.ส.ตำรวจ ปส.ตำรวจภูธรภาค 7 รวมทั้งทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันสืบทราบว่า เส้นทางเงินจากการค้ายาเสพติดได้เข้ามาสู่ร้านทองทรัพย์ทวีแห่งนี้เป็นจำนวนมากมีวอร์รูมอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาทจึงมีการสืบสวนจนเป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้เข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนหลายคน ดังนั้นทาง บช.ปส.4 จึงได้มีการขออนุมัติออกหมายจับ และสามารถจับกุมตัวได้เป็นที่เรียบร้อย และขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนและสอบสวน ซึ่งคดีนี้คาดว่าน่าจะเป็นคดีตัวอย่างของเมืองกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบนำยาเสพติดออกมาจากชานแดนโดยตรง และยังมีการลักลอบฟอกเงินที่นำเงินออกจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับลักษณะที่เกิดขึ้นคือยาเสพติดที่ทางตำรวจภูธรภาค 7 จับได้ประมาณ 1 ตันครึ่งเมื่อช่วงเดือน ส.ค.ปี 63 ซึ่งเราสืบทราบว่ายาเสพติดล็อตดังกล่าวนั้นจะถูกลำเลียงส่งไปทางภาคใต้ จากนั้นเงินค่ายาที่จะกลับไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านจะมีลักษณะจ่ายเป็นทองคำแท่ง และมีลักษณะเป็นการกดเงินที่อยู่ตามแนวชายแดนแล้วนำข้าวไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งการจ่ายค่ายาเสพติดนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ
สำหรับวันนี้เราจะมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง.เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 7 และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี จะร่วมกันทำการตรวจสอบสอบทรัพย์สินของร้านทองทรัพย์ทวีให้ชัดเจนว่า ทรัพย์สินส่วนไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินเราก็จะให้เขาเก็บรักษาไว้ ส่วนทรัพย์สินอะไรที่เกี่ยวพันกับยาเสพติดหรือเกี่ยวกับการที่โอนเงินมาเราก็จะทำการดำเนินคดีในข้อหาต่างๆต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะเดียวกันเมื่อ เวลา 17.00 น. ของวันที่ 26 พ.ค.64 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าจับกุม นาย วิฑูรย์ เพิ่มพูนภิญโญ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/5 หมู่ 10 ต.แม่จัวะ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ที่บ้านเช่าเลขที่ 13 หมู่ 9 บ้านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และนำตัวไปควบคุมและทำการสอบสวนที่ บก.ร้อย ตชด.134 อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
โดยนายวิฑูรย์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 285/64 ลงวันที่ 11 พ.ค.64 ในข้อหา สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ(ฟอกเงิน) และ หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี เลขที่ 86/64 ลงวันที่ 24 มี.ค.64 สนับสนุนช่วยเหลือหรือร่วมกระทำความผิดร่วมกันมียาเสพติด (ค้ายาเสพติด)ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันกับนายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของร้านองทรัพย์ทวี
โดยเวลาประมาณ 07.30 น. วันนี้ 27 พ.ค. 64 เจ้าหน้าที่ บช.ปส.ได้นำตัว นายวิฑูรย์ ผู้ต้องหาพร้อมหลักฐาน ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เดินทางจากสนามจอด ฮ.กองร้อย ตชด.ที่ 134 สังขละบุรี มาที่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดย พล.ต.ท. มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส.กล่าว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวทำหน้าที่ไปกดเงินเพื่อนำไปส่งให้กับแหล่งผลิตยาเสพติดรวมทั้งโดยเงินมาให้กับร้านทองดังกล่าวด้วย./