เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาผลกระทบเศรษฐกิจ ในโครงการ "คนละครึ่ง เฟส3" ใช้งบประมาณรวม 93,000 ล้านบาท ที่รัฐจะช่วยจ่ายสูงสุดวันละ 150 บาท ประชาชนจ่ายเองวันละ 150 บาท วงเงินรวมตลอดโครงการคนละ 3,000 บาท โดยแบ่งเป็น 2 รอบ โอนรอบแรก 1,500 บาท เข้าแอปฯเป๋าตัง ให้ใช้จ่ายตั้งแต่กรกฎาคม - กันยายน และจะโอนรอบ 2 อีก 1,500 บาท ใช้จ่ายในเดือนตุลาคม - ธันวาคม 

กลุ่มประชาชนเป้าหมาย คือผู้ที่เข้าโครงการคนละครึ่งเฟสแรก 10 ล้านคน และคนละครึ่งเฟส 2 จำนวน 5 ล้านคน ซึ่งจะได้รับสิทธิ์อัตโนมัติ และจะเปิดลงทะเบียนให้กับประชาชนเฟสใหม่ เพิ่มอีก 16 ล้านคน ซึ่งกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้แจ้งรายละเอียดในการลงทะเบียน ทั้งในส่วนของผู้ลงทะเบียนใหม่ และผู้ประกอบการรายใหม่ต่อไป

นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบโครงการเติมเงินให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.65 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณช่วยเหลือ 1.64 หมื่นล้านบาท
 
โครงการเติมเงินให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เป็นกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน และเคยเข้าร่วมโครงการเราชนะ รวมทั้งกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุด้วย จำนวน 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

และโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เป็นการให้เงินคืนเป็น E-Voucher เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่เดือน ก.ค. - ธ.ค. 2564 โดยจะดำเนินการหลังจากที่มาตรการ "เราชนะ" และ "ม.33เรารักกัน" สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง ใช้งบประมาณในโครงการฯ 2.8 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีเงินสะพัดราว 268,000 ล้านบาท โดยรัฐจะสนับสนุนให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายกับร้านค้า/บริการ กับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เมื่อจ่ายค่าสินค้าแล้วจะได้เงินคืนในรูปแบบ E-Voucher สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ไม่ใช่การโอนเงินให้ใช้จ่ายเหมือนโครงการเราชนะ/ม.33เรารักกัน