นอภ.สังขละบุรี พร้อม จนท. เดินเท้ากว่า 30 กม. นำอาหารแห้งไปมอบให้กับชาวบ้านเกาะสะเดิ่ง
15 ส.ค. 2562, 13:53
วันนี้ ( 15 ส.ค. 62 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า คณะสิ่งของ นำโดย นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี พร้อมด้วย น.ส.เขมิกา ประเสริฐสม รองนายกเหล่า กิ่งกาชาดอำเภอสังขละบุรี นำทีมเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า (กองกำลังสุรสีห์) เจ้าหน้าที่ อ.ส.กองร้อยอำเภอสังขละบุรี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านทิศตะวันตก ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 134 อ.สังขละบุรี และจิตอาสา 904 วปร รวมกว่า 50 คน เดินเท้าเข้าพื้นที่บ้านเกาะสะเดิ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านทิศตะวันตก ห่างจากอำเภอสังขละบุรี เป็นระยะทางกว่า 30 กม. เพื่อนำอาหารแห้งไปมอบให้กับชาวบ้าน
สำหรับบ้านเกาะสะเดิ่ง เป็นหมู่บ้านหนึ่งใน 3 หมู่บ้าน ของตำบลไล่โว่ ที่ประสบเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม ที่นี่จะถูกตัดขาดจาดโลกภายนอก เนื่องจากชาวบ้านจะไม่สามารถออกสู่ภายนอกได้ ทำให้ที่นี่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร ดังนั้นในการลงพื้นที่ติดตามดูพื้นที่น้ำท่วม เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมาของ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี จึงได้สั่งการให้นำอาหารแห้งไปเตรียมไว้ หากเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย
ทั้งนี้เหตุการณ์น้ำท่วมบ้านเกาะสะเดิ่ง เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ปีที่แล้ว สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเนื่องจากน้ำป่าได้พัดสะพานขาด บ้านเรือนหลายหลังที่ตั้งอยู่ริมน้ำโรคี่ถูกกระแสน้ำป่าพัดได้รับความเสียหาย เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นหุบเขามีแม่น้ำโรคี่ไหลผ่านตรงกลาง โดยชาวบ้านตั้งบ้านเรือนอาศัยและทำสวนอยู่ริม 2 ฝั่งน้ำ ชาวบ้านต้องอพยพไปอาศัยอยู่ที่วัดและโรงเรียน ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา ในช่วงที่เกิดน้ำท่วม และรอความช่วยเหลือจากทางราชการ
โดย นายธนากร สาลี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 ม.3 บ้านเกาะสะเดิ่ง ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งบ้านได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีบ้านอยู่ติดริมน้ำโรคี่ และยังไม่ได้ย้ายบ้านเนื่องจากยังไม่มีความพร้อมที่จะย้าย ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในห้วงเดือนนี้ น้ำในลำห้วยเกือบล้นตลิ่งเข้าท่วมหมู่บ้าน 2-3 ครั้งแล้ว และเมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ในพื้นที่มีฝนตกหนัก ทำให้น้ำในลำห้วยโรคี่ ได้สูงขึ้นจนถึงเสาบ้านด้านที่ติดลำน้ำ ทำให้ตนเองและครอบครัวต้องอพยพ และขนย้ายสิ่งของไปอยู่ที่วัด ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา การใช้ชีวิตช่วงนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังและคอยสังเกตระดับน้ำทุกครั้งที่มีฝนตก
บ้านเกาะสะเดิ่ง มีบ้านเรือนประชาชน จำนวน 88 หลังคาเรือน ประชาการ 350 คน ยังคงเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์น้ำท่วม เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความยากลำบากในการเดินทางและการติดต่อ เป็นพื้นที่สำคัญที่ ผู้ร่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ให้ความสำคัญ เนื่องจากหากเกิดเหตุ การช่วยเหลือค่อนข้างยากลำบาก