วันที่ 5 มิ.ย. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้เดินทางไปยังคอกเลี้ยงหมูของนายโกมินทร์  คนชม อายุ 31 ปี นางสาวฐิติมา  ไทรพวงโพธิ์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 / 1 หมู่ที่ 3 ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 2 สามีภรรยา เจ้าของคอกหมู และทั้งสองนอกจากมีอาชีพเลี้ยงหมูแล้วยังเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี อีกด้วย โดยได้พาเดินดูหมูที่ยังเหลืออยู่ในคอกอีกจำนวน 6 ตัว และพบว่าหมูอีก 1 ตัว ได้นอนเสียชีวิตไปอีก 1 ตัว จึงเหลือหมูเพียง 5 ตัว และหมูที่ได้สั่งซื้อจากฟาร์มทางเฟสบุ๊กจากจังหวัดราชบุรี ก่อนจะตกลงซื้อได้ไปดูหมูที่ฟาร์มแล้วจ่ายเงินมัดจำจำนวนหนึ่งไป แล้วหลังจากนั้น 2 วัน ทางฟาร์ม ได้นำหมูมาส่งและขณะที่หมูยังไม่ได้นำลงจากรถบรรทุก พบว่าหมูก็เริ่มตายทั้งที่ยังไม่ได้ลงไปใส่คอก ใหม่ที่สร้างเตรียมไว้เลย เริ่มแรกตนเองผู้ซื้อคิดว่าหมูอาจจะไม่ชินกับสภาพอากาศที่ร้อนมากจึงได้ปรับเปลี่ยนหมูที่ตายมาครบจำนวนที่ตกลง แต่เมื่อหมูที่อยู่ในคอกแล้ว กับมาพบว่าหมูเริ่มทยอยตายทุกวัน มีอยู่วันหนึ่งหมูตายพร้อมกันเกือบ 20 ตัว

นายโกมินทร์  คนชม กับ นางสาวฐิติมา  ไทรพวงโพธิ์ สองสามีภรรยา เจ้าของคอกหมู จึงได้เดินทางไปพบปศุสัตว์อำเภอกับปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี เล่าสาเหตุที่หมูตายเพื่อให้ความช่วยเหลือ แต่ได้ถูกปฏิเสธอีกทั้งยังไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ยังมีการพูดจาในลักษณะข่มขู่ กับตนเองกับภรรยาด้วย ทางภรรยาจึงได้พาตนเองกลับ จากนั้นสองสามีภรรยา มาคิดดูแล้วคงไม่ได้เรื่อง จึงได้นำหมูที่ตายกับหมูที่ยังมีชีวิต เดินทางไปยังโรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยมหิดลไทรโยค กับมหาวิทยาลัยกำแพงแสน เพื่อให้ช่วยตรวจสอบว่าสุกรที่ตายเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ สุดท้ายได้รับการยืนยันจากจากทางมหาวิทยาลัยกำแพงแสนว่า สุกรที่ล้มตายติดเชื้อไวรัสเพิร์ส (สุกรที่ติดเชื้อไวรัสเพิร์ส หรือ(PRRS) ซึ่งกำลังระบาดกับสุกรในขณะนี้ และหากลงปลอดจะรุนแรงทำให้สุกรล้มตายอย่างรวดเร็ว อีกทั้งโรคไวรัสเพิร์ส นี้ยังสามารถระบาดออกไปได้ในละแวกใกล้เคียงในลักษมีไม่ต่ำกว่า 5 กิโลเมตร ด้วย

สองสามีภรรยา กล่าวว่า ตนเองต้องการที่จะได้เอกสาร เพื่อยืนยันว่าสุกรที่ติดเชื้อไม่ใช่ในคอกของตนเอง แต่ติดเชื้อมาจากฟาร์ม เพื่อต้องการให้ทางฟาร์มได้ดูแลรับผิดชอบบ้าง เพราะตนเองก็เลี้ยงหมูมาเกือบ 10 ปี แล้วแต่เดิมตนเองจะซื้อลูกสุกรจากพื้นที่ในจังหวัดกาญจนบุรี มาเลี้ยง แต่ครั้งนี้ได้ซื้อจากเฟส เพราะต้องการจำนวนมาก แต่สุดท้ายสุกรมาตายยกคอกทุนที่เก็บไว้สูญไปในพริบตาหมดตัวทันที และทั้งสองสามีภรรยา พูดในลักษณะน้อยใจที่ทำไมหน่วยงานภารรัฐจึงไม่ใส่ใจเมื่อเกษตรกรเดือดร้อนขนาดนี้ แถมยังพูดจาข่มขู่อีก หากตนเองไม่เดือดร้อนคงไม่ไปขอความช่วยเหลือ แต่นี่ถึงกับหมดทุน ตนเองก็ต้องมารับกรรมเพียงผู้เดียว ทุนที่เก็บมาถึงกับหมดไปในพริบตา จากสุกรที่ล้มตาย ไปติดต่อไปทางฟาร์ม ก็ปฏิเสธว่าสุกรติดเชื้อนั้น เป็นการติดเชื้อในคอกตนเอง จะไม่รับผิดชอบใดๆ จึงต้องฝากสื่อเพราะเดือดร้อนจริงๆ