วันที่ 11 มิย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศรชล.สตูลนำโดยนาวาเอก จุมพจน์ เสนาะพิณ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.สตูล) พร้อมด้วยนายโชคชัย เมืองสง หัวหน้าหน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลเกาะหลีเป๊ะ (สตูล ) สำนักงานประมงจังหวัดสตูล สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสตูล สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดสตูล ด่านศุลกากรสตูล และกองทัพเรือ เข้ารื้อถอนเครื่องประมงผิดกฎหมายโพงพางในพื้นที่ ที่มีเครื่องมือผิดกฎหมายทำลายทรัพยากรใต้ทะเล สัตว์วัยอ่อน และพ่อแม่พันธุ์ ซึ่งการเข้าปฎิบัติการเชิงลุกนำเรือตรวจการณ์จำนวน 9 ลำวิ่งล่องไปตามทะเล ไปยังจุดทะเลริมชายฝั่งบริเวณพื้นที่บ้านหาดทรายยาว ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ซึ่งนำเรือเข้าตรวจการณ์พร้อมกำลังเจ้หาน้าที่ และเครื่องมือรื้อถอนโพงเพง เช่น ตะขอเกี่ยว มีดอีโต้ ตัดสับเชือกและรื้อถอนเสาหลักโพงพางทันทีจำนวน 120 ช่อง (ปาก ) และได้วิ่งเข้าไปบริเวณปากร่องน้ำคลองดาหวา ตำบลเจ๊ะบิลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล

สำหรับการเข้ารื้อถอนในครั้งนี้เป็นการบริหารจัดการควบคุมป้องกันและบังคับเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพสูงและทำลายล้างโดยเฉพาะในเขตทางทะเลและชายฝั่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำในวัยอ่อนและพ่อแม่พันธุ์เข้ามาเพื่อวางไข่โพงพางก็เป็นเครื่องมือประมงชนิดหนึ่งที่ลักษณะการทำประมงจะวางอยู่ในพื้นที่ร่องน้ำบริเวณลำคลองปากแม่น้ำและในอัตราส่วนมากจึงจำเป็นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องซึ่งในการปฏิบัติงานอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติกําหนดการประมงพ.ศ 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ห้ามการทำประมงด้วยเครื่องมือตรงกลางตามมาตรตรา 63 ( 1) นาวาเอก จุมพจน์ เสนาะพิณ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.สตูล) กล่าวว่า ทั้งนี้จะมีการเข้ารื้อถอน 3 วันเป็นการผสมกำลังเจ้าหน้าที่ภายใต้การควบคุม ศรชล.สตูล รื้อบริเวณทางทะเลเช่น ตำบลตันหยงโป ตำบลเจ๊ะบิลัง ตำบลตำมะลัง อยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง และในตำบลทุ่งหว้า อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล โดยการรื้อเป็นรอบที่ 2 เพราะถือว่าเครื่องมือการทำประมงโพงพางนี้มีโทษปรับสูงถึง100,000 ถึง 500,000 บาท