"แรงงานกัมพูชา" ทะลักกลับประเทศ หลังสั่งปิดแคมป์คนงาน ขณะที่ชาวสุรินทร์กลับบ้านติดเชื้อวันเดียว 14 ราย
27 มิ.ย. 2564, 16:35
วันนี้ ( 27 มิ.ย.2564 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมร่วมกับ ศปก.ศบค. ได้สั่งการให้มีการปิดแคมป์คนงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลรวมไปถึงพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย สงขลา , นราธิวาส, ยะลา และปัตตานี ที่มีการแพร่ระบาด โดยให้กระทรวงแรงงานจ่ายเงินชดเชยเยียวยาและดูแลทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว มาตรการดังกล่าวจะทดลองใช้เป็นเวลา 1 เดือน ขณะเดียวกันก็จะมีการจำกัดการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด แต่ยังไม่ใช่การล็อกดาวน์ ไม่มีการเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถาน แต่จะมีการประกาศมาตรการเฉพาะละพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและ 4 จังหวัดภาคใต้ ออกมาในช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ เพื่อบังคับใช้ในระยะเวลา 1 เดือน เริ่มในวันจันทร์ ที่ 28 มิถุนายนนี้ ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวทำให้แคมป์ก่อสร้างหลายแห่งเริ่มปิดแล้ว แรงงานต่างๆ เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคนไทย แม้กระทั่งแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่พบว่านายจ้างได้ส่งกลับ โดยใช้เส้นทางผ่านแดนที่ ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ในการเดินทางข้ามกลับไปยังประเทศกัมพูชา แต่พบว่านายจ้างกลับนำแรงงานชาวกัมพูชามาทิ้งไว้ตามริมทางหลวง ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณริมทางหลวงสายกาบเชิง-ด่านผ่านแดนช่องจอม หน้าตลาดโอท็อป อบจ.สุรินทร์ ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และอีกหลายจุด ทำให้ เจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ ต้องเร่งกวาดต้อนแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ถูกนายจ้างนำมาทิ้งริมทางไปรวมกันไว้ในจุดเดียวที่ข้าง สนง.ตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ ใกล้กับที่ว่าการ อ.กาบเชิง อย่างเร่งด่วน เพราะเกรงว่าจะมีแรงงานที่ติดเชื้อโควิด -19 นำมาแพร่กระจายให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยจุดรวบรวมและซักประวัติก่อนตรวจหาเชื้อแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่ข้าง สนง. ตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ มีการล้อมผ้าแสลนพร้อมติดป้ายอันตรายห้ามเข้าอย่างเป็นสัดส่วน และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ เนื่องจากที่ผ่านมา จนท.ตม.สุรินทร์ แม้จะมีมาตรการป้องกันตนเองที่รัดกุม แต่ก็ยังมีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 5 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กาบเชิง
ทั้งนี้ จนท.ตม.สุรินทร์ นายหนึ่ง เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่พบว่า มีแรงงานชาวกัมพูชา เดินทางกลับประเทศกัมพูชาจำนวนมากกว่าปกติถึงเท่าตัว ประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานก่อสร้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่มีมาตรการเข้มในการควบคุมแรงงานต่างด้าวให้อยู่ในพื้นที่จำกัด ตั้งแต่นายจ้างส่งมาถึง ทำการซักประวัติและตรวจหาเชื้อ ไปจนถึงการผลักกันกลับประเทศ ไม่ให้ออกนอกเส้นทางเกรงจะมีเชื้อและนำไปติดประชาชนในพื้นที่ โดย เจ้าหน้าที่ใช้ทั้งรถยนต์กระบะ รถบรรทุก 6 ล้อ รถควบคุมผู้ต้องหา และรถบัส ในการขนส่งแรงงานต่างด่าวและสัมภาระเพื่อผลักเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ที่ด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือนายจ้างหรือโชว์เฟอร์ที่ขับรถมาส่งแรงงานต่างด้าว ให้นำแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาไปส่งที่ สนง.ตม.สุรินทร์ เพียงจุดเดียวด้วยเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมโรคและผลักดัน
นอกจากนี้ที่ตลาดโอท็อป อบจ.สุรินทร์ จนท.ตม.สุรินทร์ ได้มีการติดตั้งป้ายขอความร่วมมือระบุข้อความว่า “กรุณานำส่งชาวกัมพูชา ที่ประสงค์เดินทางกลับเข้าไปกัมพูชา ที่ สนง.ตรวจคนเข้าเมืองสุรินทร์ บริเวณที่ว่าการ อ.กาบเชิง ขอบคุณ” อีกด้วย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นตลาดค้าขายสินค้าและพื้นที่ชุมชนที่มีประชาชนอยู่จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้ ( 26 มิ.ย.64 ) จากข้อมูลของ จ.สุรินทร์ พบว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และแรงงานก่อสร้างเริ่มเดินทางกลับบ้าน ทำให้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 14 ราย ประกอบด้วย ชาว ต.เพี้ยราม อ.เมือง เดินทางกลับ 3 คน ไปตรวจที่ รพ.จอมพระ อ.จอมพระ ผลบวกทั้ง 3 คน, ต.ราม อ.เมือง กลับมา 1 ราย ป่วยติดเชื้อ 1 ราย, ต.สลักได อ.เมือง กลับมา 2 ราย ป่วยติดเชื้อ 2 ราย อ.ปราสาท ติดเชื้อ 4 ราย, อ.ชุมพลบุรี ติดเชื้อ 2 ราย, อ.ศรีขรภูมิ (สี-ขอ-ระ-พูม) ติดเชื้อ 1 ราย และ อ.เขวาสินรินทร์ (ขวาว -สิน-นะ-ริน) ติดเชื้อ 1 ราย ส่วน ต.สวาย อ.เมือง กลับมา 7 คน ขณะนี้ดำเนินการตรวจโรคและให้ไปกักกันตัวที่บ้าน รอผลตรวจ ทั้งนี้ ต.รามและ ต.สลักได ไม่ปฏิบัติตัวตามมาตรการ ทำให้เกิดความเดือดร้อน กระทบครอบครัวตนเองและชุมชน จ.สุรินทร์ จึงขอให้ทุกท่านช่วยติดตามงานนี้อย่างเข้มข้นและเร่งด่วนด้วยวันนี้เริ่มมีคนงานก่อสร้างและประชาชนจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มข้น พื้นที่ควบคุมสูงสุด ( 4+11จังหวัด ) เดินทางกลับมาบ้านในพื้นที่หมู่บ้านและชุมชน ขอให้ประสานงานกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน / อสม. /ผู้นำชุมชน ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เดินทางมาให้กักกันตัว 14 วัน และให้แนะนำการกักตัวตามมาตรการป้องกันโรคโควิด แล้วรายงานข้อมูล การติดตามให้อำเภอทราบด้วย