เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ร้านซีฟู้ดดังปลด พนง. 3 สาขารวด แม่ค้าโอดอยากดับไปกับโควิด


28 มิ.ย. 2564, 11:08



ร้านซีฟู้ดดังปลด พนง. 3 สาขารวด แม่ค้าโอดอยากดับไปกับโควิด




ล่าสุดวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เดลินิวส์รายงานว่า นายวีรฤทธิ์ แกล้วชิต อายุ 30 ปี เจ้าของร้าน หมึกเกยตื้น สาขาประดิพัทธ์ สตรีท มาร์เก็ต ซอยประดิพัทธ์ 18 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท เปิดเผยว่า ทราบข่าวแล้วก็รู้สึกเหมือนไม่มีทางออก เหมือนรัฐบาลก็ไม่เคยมีมาตรการเยียวยาใด ๆ ให้ทางร้านอาหารเลย ทุกวันนี้ลูกค้าก็น้อยลงกว่า 50% รัฐบาลออกกฎโดยไม่ชอบธรรม ในขณะที่ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อเปิดได้ แต่ร้านอาหารทั่วไปกลับต้องได้รับความเดือดร้อน

จากการประกาศในครั้งนี้ลูกน้องทั้งหมดใน 3 สาขา ของร้านจะต้องตกงานทั้งหมด วัตถุดิบทางร้านใช้ของสด ไม่สามารถค้างสต็อกได้ ส่วนการปรับตัวเข้าสู่การส่งอาหารแบบดิลิเวอรี่นั้น ทางร้านก็ถูกหักค่าบริหารจัดการ 30% มาโดยตลอด โดยที่รัฐบาลไม่เคยไปทำข้อตกลงกับบริษัทเอกชนให้ลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงบ้าง หลังจากนี้ทางร้านก็จะขอเจรจาเรื่องค่าเช่ากับทางผู้ให้เช่า และอยากขอความเห็นใจจากทางผู้ใหญ่ให้ลงมาดูความเป็นอยู่ของประชาชน และแสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ปัญหาบ้าง



 ด้าน ข่าวช่องวัน รายงานว่า ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจร้านอาหารในพื้นที่หลังมหาวิทยาลัยหอการค้า เขตดินแดง โดยได้ไปพูดคุยกับนางสาวหญิง แซ่อือ เจ้าของร้านลุงไสวลมโชย สาขา 2 โดยเจ้าตัวได้พาทีมข่าวเข้าไปดูวัตถุดิบที่สต็อกไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยพบว่ามีเนื้อหลายประเภท และผักสดต่าง ๆ ที่แช่ตู้ไว้ พร้อมเปิดเผยว่า รู้สึกผิดหวังกับคำประกาศที่ออกมาเมื่อตอนตี 1 มาก เพราะเธอต้องอดทนและต่อสู้มานานมากแล้วกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าครั้งนี้รุนแรงที่สุด แต่รัฐบาลน่าจะแก้ปัญหาให้ตรงจุดโดยเฉพาะการหาวัคซีนโควิด ให้เพียงพอ และรวดเร็วต่อความต้องการของประชาชน เธอรู้สึกเอือมระอากับรัฐบาลมาก เพราะทุกอย่างไม่ใช่แค่เพิ่งแย่ลง แต่มันแย่ลงมาเรื่อย ๆ ร้านค้าทุกร้านเดือดร้อน ต้องดูแลตัวเองให้รอดไปวัน ๆ ด้วยความยากลำบาก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะคลายล็อกมาบ้าง แต่สุดท้ายก็เจ็บอยู่ดี


ส่วนตัวยอมรับว่าเครียดมาก เพราะมีลูกน้องอีก 9 ชีวิต และครอบครัวที่ต้องดูแล รวมถึงรายจ่ายของทางร้านและส่วนตัวอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อเดือน โดยร้านนี้เปิดมา 5 ปีแล้ว พอโควิดเข้ามา ยอมรับว่ารายได้ลดลงไปถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เธอคิดว่าอยากจะเป็นโควิดให้ตาย ๆ ไปด้วยซ้ำ หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นคาดว่าเดือนหน้าอาจจะต้องปิดกิจการ

ขณะที่นางสาวเบญจรัตน์ เพียรธัญญการ เจ้าของร้านลาบ 101 นายยะ บอกว่า เมื่อวานนี้เพิ่งสั่งสต็อกของให้มาส่งวันนี้ ลงทุนมากกว่า 30,000 บาท และส่วนใหญ่จะเป็นของสด แต่ปรากฏว่าถูกสั่งให้ปิดร้านไม่ให้นั่งกินอีกแล้ว ยอมรับว่าเครียดมาก เพราะของบางอย่างไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน ได้รับผลกระทบหนัก แต่ในขณะที่ค่าเช่าร้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ รัฐบาลกลับไม่มีอะไรมาเยียวยาหรือช่วยเหลือผู้ประกอบการเลย แถมยังผลักภาระให้เป็นเรื่องของผู้ประกอบการเอง ซึ่งทางร้านเองก็ปรับตัวไม่ทัน แต่ก็ต้องอยู่ให้ได้  

ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์, ข่าวช่องวัน






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.