ตำรวจกาญจน์เข้ม ตั้งด่านป้องกันลอบเคลื่อนย้ายแรงงาน หลัง ศบค.ประกาศปิดแคมป์
30 มิ.ย. 2564, 13:19
วันนี้ 30 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและขยายวงกว้างไปแพร่ระบาดในหลายอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรี จากตัวเลขของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี พบว่า ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.64 จนถึงปัจจุบัน พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 หรือโควิด-19 สะสม ข้อมูลวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวน 564 ราย เป็นชาย 230 ราย หญิง 334 ราย หายป่วย 4 ราย หายป่วยสะสม จำนวน 362 ราย รักษาอยู่โรงพยาบาล จำนวน 195 ราย เสียชีวิตสะสม จำนวน 7 ราย
สำหรับผู้ป่วยสะสม จำนวน 564 ราย มีภูมิลำเนาอยู่ใน 12 อำเภอ จาก 13 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ทองผาภูมิ 55 ราย อ.เมือง 102 ราย อ.ท่าม่วง 74 ราย อ.ไทรโยค 10 ราย อ.พนมทวน 46 ราย อ.ท่ามะกา 132 ราย อ.ด่านมะขามเตี้ย 3 ราย อ.ห้วยกระเจา 14 ราย อ.หนองปรือ 79 ราย อ.บ่อพลอย 19 ราย อ.เลาขวัญ 2 ราย อ.สังขละบุรี 7 ราย นอกจังหวัด 19 ราย ยกเว้นอำเภอศรีสวัสดิ์อำเภอเดียวที่ไม่พบผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว
ขณะเดียวกัน ศบค.ได้มีคำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล พร้อมกับห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นเวลา 30 วัน หรือ 1 เดือน ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผบช.ตชด.พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายหรือลักลอบกลับบ้านของแรงงานที่อยู่ภายในแคมป์คนงาน ทั้งแรงงานชาวไทยและแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา
ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็น 1 ใน 10 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาเป็นระยะทางมากถึง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออก 43 ช่องทาง ตนในฐานะโฆษก รวมทั้งดูแลงานป้องกันรวมทั้งงานด้านความมั่นคงประจำ ภ.จว.กาญจนบุรี จึงได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมรวมทั้งมอบสิ่งของและมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดคัดกรองโรคโควิด-19 รวมทั้งด่านตรวจด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ชายแดน เช่นถนนสาย 323 กาญจนบุรี-ไทรโยค-ทองผาภูมิ-สังขละบุรี และถนนสายกาญจนบุรี-ด้านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลอดหลายวันที่ผ่านมา พบว่าเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มีการสลับสับเปลี่ยนกำลังเข้าเวรประจำจุดคัดกรองและด่านด้านความมั่นคงตลอด 24 ชั่วโมง และยังไม่พบว่ามีการเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามาในพื้นที่แต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมแรงงานชาวเมียนมาที่ลักลอบข้ามแดนเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง แต่ภาพรวมนั้นยอดการจับกุมเริ่มลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันออกหาข่าว และลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งลงพื้นที่พบปะพูดคุย เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ รวมทั้งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน จึงได้รับความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสของขบวนการลักลอบและนำพาแรงงานชาวเมียนมา เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ได้กำชับการปฏิบัติให้เพิ่มความเข้มในการตรวจค้นโดยยึดหลักกฎหมาย และยุทธวิธี และให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และห้ามมิให้มีการเรียกรับ หรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบโดยเด็ดขาด