ผญบ. ตั้งรางวัลนำจับ 1 หมื่นบาท แจ้งเบาะแส "ขายทุเรียนอ่อน"
1 ก.ค. 2564, 09:47
นายรักชาติ แคล่วคล่อง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 2 ตำบลถ้ำสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ของตำบลถ้ำสิงห์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้นำหมู่บ้าน เป็นชาวสวนและเป็นพ่อค้าคนกลางที่ซื้อทุเรียนของชาวบ้านเพื่อการส่งออก ปีนี้เป็นปีทองของทุเรียนภาคใต้ โดยปีนี้ราคาทุเรียนเปิดราคาอยู่ที่ 150 บาท เป็นผลพวงมาจากตลาดทุเรียนจันทบุรี ที่ผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพ ตัดทุเรียนที่แก่ ปลายทางกินอร่อย เมื่อถึงช่วงที่ทุเรียนใต้ออกจึงทำให้ราคาทุเรียนยังคงมีราคาที่สูงอยู่ ตนเองจึงมีความคิดว่าถึงเวลาของภาคใต้แล้วที่ชาวสวนจะต้องจับมือกับพ่อค้า ร่วมกันไม่ตัดทุเรียนที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ตัดทุเรียนอ่อนส่งออก เพราะถ้าเราทำทุเรียนที่มีคุณภาพส่งออกยังไงตลาดก็ไม่มีวันตาย เปิดตู้ก็สามารถขายได้ ตลาดทุเรียนในประเทศจีนยังเปิดกว้างและสามารถรองรับทุเรียนได้เป็นจำนวนมาก
นายรักชาติ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้คือมีการหลอกขายทุเรียนอ่อน ซึ่งจะเห็นได้ในทุกๆปี ตนเองในฐานะที่เป็นผู้นำ จึงมีความคิดที่จะไม่ให้มีการตัดทุเรียนอ่อนเกิดขึ้น เพื่อรักษาคุณภาพการส่งของของทุเรียนใต้ตนเองจึงลงประกาศในเฟสบุ๊คไว้ว่าภายในตำบลถ้ำสิงห์ซึ่งตนเองเป็นผู้นำ ถ้ามีใครพบเห็นว่ามีการตัดทุเรียนอ่อน ซื้อขายทุเรียนก่อน แล้วมาแจ้งจะมอบเงินนำจับให้เป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท โดยโทรมาแจ้งได้ที่ 084-8894558 (ติดต่อผู้ใหญ่ป้อม) ซึ่งตนเองอยากให้ถ้ำสิงห์เป็นตำบลนำร่องของจังหวัดชุมพร เพื่อควบคุมคุณภาพของทุเรียน ซึ่งถ้าหากใครติดตามข่าวราคาทุเรียนจะเห็นได้ว่าช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานั้น ราคาทุเรียนลงติดต่อกันทุกวันเนื่องจากในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน เป็นช่วงที่ทุเรียนชุมพรสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ชาวสวนและพ่อค้าตัดทุเรียนที่ไม่ได้คุณภาพส่งขายจึงทำให้การส่งออกมีปัญหา เมื่อสินค้าไปถึงประเทศจีนเปิดตู้ไม่สามารถขายสินค้าได้ เนื่องจากทุเรียนไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้ทุเรียนราคาลง เพราะปลายทางของยังเต็ม ทุเรียนที่ตัดมายังตกค้างอยู่ในล้ง ราคาทุเรียนก็ลดลงทุกวัน สุดท้ายปัญหาก็กลับมาที่ชาวสวน ซึ่งหากมีมาตรการที่เข้มงวดเอาจริงเอาจัง กับแผงทุเรียน คนตัดทุเรียน ล้งทุเรียน ร่วมไปถึงเจ้าของสวน ก็จะสามารถควบคุมปัญหาทุเรียนอ่อนของจังหวัดชุมพรได้
นายรักชาติ กล่าวถึงในเรื่องของการดูทุเรียนแก่ อ่อน นั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นเดียวกัน พ่อค้าแม่ค้า หรือคนที่จะซื้อทุเรียน จะต้องศึกษาการเลือกทุเรียนไว้เป็นความรู้ โดยหลักในการดูทุเรียนว่าอ่อนหรือแก่นั้นมี อยู่หลายๆองค์ประกอบ แต่โดยหลักๆสำคัญคือจะต้องการดูขั้วของทุเรียน หรือที่ชาวสวนเรียกว่าปริง เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างขั้วทุเรียนกับก้านทุเรียนจะต้องบวมใหญ่ ก้านสากเหมือนกระดาษทราย และมีความแข็ง ลักษณะดังกล่าวนี้เป็นตัวชี้ชัดว่าทุเรียนแก่แล้ว ซึ่งหากดูหนาม หรือดูสีของลูกนั้นดูได้ยากเพราะมีองค์ประกอบอื่นๆมาเกี่ยวข้องอีก
นายรักชาติ กล่าวอีกว่า หากทุกฝ่าย ร่วมมือร่วมใจกัน ในการรักษาคุณภาพของทุเรียนไว้ เชื่อได้ว่าในปีหน้าหรือปีต่อๆไปราคาทุเรียนอาจจะถึง 200 บาทก็เป็นไปได้ และสิ่งสำคัญคือปัจจุบันนี้มีการปลูกทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก การที่เราทำทุเรียนมีคุณภาพส่ง ตลาดก็ยังคงต้องการทุเรียนจากเรา แต่หากเราผลิตทุเรียนที่ไม่ดีส่งออกนั้น การส่งออกก็จะมีปัญหา ร่วมไปถึงราคาของทุเรียนก็จะตกต่ำไปด้วย