จากกรณีหญิงสาววัย 31 ปี ชาวอำเภอเมืองนครพนม(รายที่ 181)  ติดเชื้อโควิดจากสามีที่ทำงานในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จังหวัดชลบุรี ซึ่งตั้งครรภ์ท้องแก่ประมาณ 8 เดือนเศษ โดยมีกำหนดคลอดอีก 2 สัปดาห์ ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องกักโรค รพ.นครพนม ซึ่งทางโรงพยาบาลได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติกรรมประชุม เพื่อวางแผนผ่าคลอดในห้องความดันลบให้กับหญิงสาว โดยมี แพทย์หญิง ไพลิน เกษมสินธุ์ เป็นผู้ทำการผ่าตัด  รวมทั้งวิสัญญีแพทย์ เป็นผู้ให้ยาระงับความรู้สึกทางไขสันหลัง และทีมกุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด เป็นทีมแพทย์ผู้ดูแลทารก ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของ รพ.นครพนม

จากสถานการณ์ที่เป็นความเสี่ยงและมีความยุ่งยากในการดูแล ก็คือหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อโควิด รพ.นครพนม ได้เล็งเห็นถึงความเสี่ยงที่มีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงได้มีการซ้อมแผนผ่าตัดคลอดผู้ป่วยโควิด โดยทีมผ่าตัดต้องสวมชุด PPE มีกำหนดผ่าตัดทำคลอดในเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันนี้ ซึ่งมีประชาชนในจังหวัดนครพนมทราบข่าว ทางสื่อออนไลน์ ก็ได้ส่งกำลังใจให้ทีมคณะแพทย์และบุคลากร บางคนก็นำช่อดอกไม้ไปมอบให้ พญ.ไพลินฯ พร้อมคำอวยพรขอให้การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ขณะเดียวกันด้านสถานการณ์เกี่ยวกับโรคโควิดในจังหวัดนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฯ(สสจ.นครพนม) ได้รายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้ออีก 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานก่อสร้างจากไซต์งาน กทม. ที่ประสานทางโรงพยาบาลเพื่อขอกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด ในจำนวนผู้ป่วย 10 รายล่าสุดนี้ มีผู้ป่วยอายุสูงสุด 47 ปี ต่ำสุด 2 ขวบ โดยติดเชื้อจากพ่อแม่ในแคมป์คนงานย่านห้วยขวาง

ทั้งนี้ ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม ระบุว่า “สิ่งที่เราประเมินไว้ไม่ผิดครับตอนนี้ คนนครพนมที่ไปอยู่กรุงเทพปริมณฑลพื้นที่ระบาดเริ่มกลับมา

1.คนที่ไม่มีงานทำตกงาน  กลับบ้านยังมีข้าวกิน มีนาให้ทำกลับมาส่วนใหญ่ไม่มีอาการตรวจพบโควิด 2.คนที่เพื่อนร่วมงาน ร่วมที่พัก ป่วย  ตัวเองไม่รอตรวจ หรือไม่สามารถหาที่ตรวจโควิดได้ก็กลับมาตรวจที่บ้าน แล้วก็บวกตามคาด 3.คนที่มีอาการแล้ว ก็ไม่แน่ใจเป็นโควิดกลับมา นครพนมก็ตรวจพบโควิด ได้นอนโรงพยาบาลทันที และ 4.คนที่ป่วยแล้วตรวจพบโควิดแล้ว ขอมานอนที่โรงพยาบาลนครพนม

ไม่ว่าท่านจะเป็นกรณีไหน เป็นใคร ร่ำรวยยากจนแค่ไหน ระบบสาธารณสุขนครพนมพร้อมรับทุกท่าน ขอให้บอกเราครับ ช่วงนี้ เวลานี้  นึกว่าเป็น พ่อแม่พี่น้อง ญาติเรา  สงสารกันด้วยครับ ตัวเลขยอดผู้ป่วย อย่าไปสนใจครับ  สนใจ คนที่ตกทุกข์ ได้ยากดีกว่า