วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานท่ามกลางสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิดที่ยังมีผู้ป่วยพุ่งสูงอยู่ โดยจังหวัดนครพนมมียอดผู้ป่วยสะสม 194 ราย โดยเฉพาะรายที่ 181 เพศหญิงอายุ 31 ปี ชาว ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ติดเชื้อจากสามีที่ทำงานอยู่จังหวัดชลบุรี ซึ่งตั้งครรภ์ท้องแก่ใกล้คลอด ทั้งนี้แพทย์ที่คลินิกจังหวัดชลบุรีกำหนดวันคลอดอีก 2 สัปดาห์ แต่หลังเดินทางกลับภูมิลำเนากับสามี เข้ารับการตรวจพบว่าสามีติดเชื้อโควิด ส่วนตัวเองเบื้องต้นยังไม่พบเชื้อ แพทย์จึงส่งตัวอย่างตรวจซ้ำรอบสองจึงพบเชื้อโควิด โดยเข้ารับการรักษาอยู่ที่ รพ.นครพนม ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา

จากนั้นคณะผู้บริหาร รพ.นครพนม ได้ประชุมเพื่อวางแผนในการรักษาชีวิตแม่และเด็กในครรภ์ โดยสั่งเตรียมความพร้อมตั้งแต่ห้องผ่าตัดความดันลบ ห้องไอซียูเด็ก ฯลฯ กำหนดวันที่ 1 กรกฎาคม เวลาประมาณ 14.00 น. โดยมี แพทย์หญิง ไพลิน เกษมสินธุ์ เป็นผู้ทำการผ่าตัด รวมทั้งวิสัญญีแพทย์ และทีมกุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของ รพ.นครพนม ที่ทำคลอดผู้ป่วยท้องแก่ที่ป่วยเป็นโรคโควิด 

กระทั่งเวลา 14.15 น. เจ้าหน้าที่เปลได้นำตัวผู้ป่วยออกมาจากห้องแยกโรค ซึ่งเป็นรถเข็นความดันลบ ไปยังห้องผ่าตัดชั้น 3 ตึกเอ็กซเรย์-CT-Scan โดยเคลียร์ญาติผู้ป่วยรายอื่นๆ ออกนอกเส้นทางผ่าน ขณะที่ทีมผ่าตัดนำอุปกรณ์การป้องกันการติดเชื้อเข้าไปรออยู่ในห้องก่อนแล้ว การผ่าตัดใช้เวลาชั่วโมงเศษสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สามารถผ่าเด็กในครรภ์ออกมาได้อย่างปลอดภัย เป็นเพศหญิงน้ำหนักแรกเกิด 2,750 กรัม ไม่มีภาวะแทรกซ้อน สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ หลังทำความสะอาดชำระร่างกายเด็กเสร็จเรียบร้อย ก็นำเข้าห้องไอซียูเด็ก โดยมีพยาบาลเชี่ยวชาญเฉพาะทางเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนตัวแม่ได้นำไปที่ห้องพิเศษที่จัดเตรียมไว้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนทำการผ่าตัด ทีมแพทย์ได้มีการซ้อมแผน จนมีความพร้อมคุ้นเคยกับการเผชิญเหตุการณ์ และมีความแม่นยำในกระบวนการต่างๆ ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทีมบุคลากรทางการแพทย์ทุกภาคส่วนทั้งแพทย์ พยาบาล และทีมสนับสนุนต่างๆ จึงทำให้การผ่าตัดครั้งนี้ลุล่วงไปด้วยดี ซึ่ง พญ.ไพลิน เกษมสินธุ์ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัด ยอมสละความสุขส่วนตัวเพราะเพิ่งมีลูกน้อยวัย 3 เดือน หลังผ่าตัดรวมทั้งทีมบุคลากรจะต้องกักตัวเอง 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด จึงมีเสียงชื่นชมจากผู้บริหาร ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ รพ.นครพนม และประชาชนชาวจังหวัดนครพนม