สหรัฐฯ จับตา! โควิดสายพันธุ์ "เอปซีลอน" ส่งผลให้วัคซีน "ไฟเซอร์-โมเดอร์นา" มีประสิทธิภาพลดลงกว่า 2 เท่า
3 ก.ค. 2564, 11:35
วันที่ 2 ก.ค. 64 เว็บไซต์นิตยสารวิทยาศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เอปซีลอน (epsilon) ซึ่งพบครั้งแรกในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว โดยชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว มีการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรม ทำให้มีฤทธิ์หลบภูมิคุ้มกันได้มากขึ้น และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนชนิด mRNA ได้แก่ วัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) และโมเดอร์นา (Moderna)
โดยงานวิจัยชิ้นนี้ ได้ทำการทดลองขึ้นโดยนำพลาสมาของอาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์และโมเดอร์นาครบทั้งสองเข็มแล้ว มาทดสอบประสิทธิภาพกับไวรัสโควิดสายพันธุ์เอปซีลอน ซึ่งผลที่ออกมาพบว่า วัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นามีประสิทธิภาพในการต้านเชื้อสายพันธุ์เอปซีลอนลดลง 2-3.5 เท่าตัวเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ
ผู้ทำการวิจัย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ประสิทธิภาพวัคซีนไฟเซอร์กับโมเดอร์นาลดลง เนื่องจากไวรัสสายพันธุ์เอปซีลอนมีการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรม 3 จุด ได้แก่ บริเวณ S13I, W152C และ L452R
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เอปซีลอนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันองค์การอนามัยโลกกำหนดให้ไวรัสสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตา (VOI) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อแพร่กระจายและกลายพันธุ์ จนอาจติดเชื้อลุกลามไปถึงประชากรกลุ่มที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว
โดยก่อนหน้านี้บุคลากรทางการแพทย์ในนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ แนะนำประชาชนให้กลับมาสวมหน้ากากโดยไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้วหรือไม่ รวมทั้งต้องสวมหน้ากากครอบคลุมทั้งพื้นที่นอกอาคารและในร่มด้วย ซึ่งคำแนะนำนี้เป็นผลมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่มีแนวโน้มการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น