วันนี้ 3 ก.ค. 64 เวลา 11.00 น.ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีพล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 นายปราโมทย์ ธัญพืช รองผู้ว่าราชการจ.อุดรธานี,พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรีผบก.ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นพ.ปรเมษฐ์  กิ่งโก้  นพ.สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายธนกร พุทธรักษา อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/8 หมู่ 10 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี  ตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานีที่ 131/6 4 ลงวันที่ 2 ก.ค. 2564 ในข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่าจากกรณีเมื่อ วันที่ 30 มิ.ย 2564 ได้มีผู้เสียหาย ชื่อ นส.เพิ่มพูน แช่ก๊วย ที่อยู่ 316/52 ต.หมาแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานีได้มาแจ้งความกับ พงส. สภ.เมืองอุดรธานี ว่าเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.64 ได้ถูกคนร้ายหลอกลวงอ้างว่าเป็นนายแพทย์ รพ.ศิริราช ชื่อนพ.สิทธิโชค ทวีประดิษฐ์ผล มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อ "ชิโนฟาร์ม" ที่เป็นโควต้าของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้สั่งซื้อจาก ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หากต้องการฉีดวัคซีนดังกล่าวให้ชำระเงินรายละ 1,800 บาท (จำนวน 2 โดส) จนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้เข้าไปในไลน์กลุ่ม "Vaccine Sinopharm "

เมื่อผู้เสียหายได้เข้าไปอยู่ในไลน์กลุ่มดังกล่าวแล้ว คนร้ายยิ่งให้ความเชื่อมั่นว่าเป็นกลุ่มที่แท้จริง โดยให้เชิญผู้เสียหาเข้ากลุ่มไลน์อีกหนึ่งกลุ่ม ชื่อว่า "ระบบ ไอที วัคซีนทางเลือก" ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เสียหายหลงชื่อว่ามีอยู่จริง จึงได้ติดต่อและรวบรวมเงินจากบุคคลที่ผู้เสียหายรู้จัก ที่อยากมาร่วมฉีดวัคซีนได้จำนวน 20 คน รวมเป็นเงิน 36,000 บาท และได้โอนเงินเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 64 เข้าบัญชี ธ.กสิกรไทย เลขที่ 0331431532 ซึ่งปรากฎชื่อบัญชี นายวีระศักดิ์ สุขสำแดง

ต่อมาผู้เสียหายไปตรวจสอบรายชื่อในโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดอุดรธานีกลับไม่มีรายชื่อที่แจ้งไว้จึงเชื่อว่าได้ถูกหลอกลวงแล้วและได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่สภ.เมืองอุดรธานี และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ ทราบชื่อคือ นายธนกร พุทธรักษา และนายวีระศักดิ์ สุขสำแดง ตามหมายจับที่ 131/64 และ 130/64 เมื่อวันที่ 2 ก.ค.64 ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันหลอกผู้เสียหายรวมทั้งสิ้นไปแล้วกว่า 200 ราย และมีมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 360,000 บาท