หลายภาคส่วนร่วมเปิดจุดสูบน้ำ บริเวณแหล่งน้ำเหมืองหินของเอกชน เพื่อเติมน้ำให้แก่อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด และอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก เพื่อใช้บรรเทาวิกฤตแล้งหนัก ซึ่งหากน้ำให้อ่างฯ เหลือน้ำที่ผลิตน้ำประปา ได้อีก 15 วัน พร้อมผันน้ำเติมทันที ขณะรองผู้ว่าฯ เตรียมวางแผนรับมือ หากปีหน้าเจอฝนทิ้งช่วงอีก

 

 

18 สิงหาคม 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ณ บริเวณเหมืองหิน (อึ้งทงกี่) ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ นาย กฤษฎา แก้วสองเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายเทิดพงษ์ ไทยอุดม ผอ.โครงการชลประทานบุรีรัมย์ พันเอกทินกร ประสีระเตสัง รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 26 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมเปิด จุดสูบน้ำจากแหล่งน้ำเหมืองหินของเอกชน (อึ้งทงกี่) เพื่อเติมน้ำเข้าสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตลาดเพื่อใช้บรรเทาวิกฤตแล้งหนักจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากฝนตกขาดช่วง โดยได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะบริษัท อึ้งทงกี่ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด หินบุรีรัมย์ ที่เข้ามาสนับสนุนแหล่งน้ำในการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้

ซึ่งขณะนี้จุดสูบน้ำดังกล่าวได้เตรียมการจนเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมผันน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด และอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากทันที หากมีน้ำเหลือรวมกันต่ำกว่า 800,000 ลูกบาศก์เมตร หรือเหลือน้ำใช้ได้อีกเพียง 15 วัน โดยน้ำจากบ่อเหมืองหินดังกล่าวมีปริมาณน้ำ 1,512,000 ลูกบาศก์เมตร ระยะทางลำเลียงน้ำ ประมาณ 10 กิโลเมตร

นาย กฤษฎา แก้วสองเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ทางท่านผู้ว่าฯ ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ให้ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ทางโครงการชลประทานบุรีรัมย์ ก็ได้แก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งแหล่งน้ำ ที่อ่างสำคัญ แล้วก็หาแหล่งน้ำสำหรับมาเติม ที่สำคัญก็คือแหล่งน้ำแห่งนี้ ซึ่งภาคเอกชนได้ร่วมกับทางจังหวัด ในการที่จะดูแลพี่น้องประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกัน ในการสนับสนุนน้ำจากเหมืองหินเก่า ซึ่งหากน้ำที่อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด และอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก รวมกันต่ำกว่า 800,000 ลูกบาศก์เมตร ก็จะสามารถสูบจากแหล่งสำรองตรงนี้ได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะช่วยคลายปัญหาภัยแล้งของปีนี้ได้ในระดับหนึ่ง

รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดได้มีการเตรียมแผนงานต่อเนื่องจากโครงการนำน้ำมาจาก อ่างลำปะเทีย เข้ามา และหาแหล่งน้ำที่จะมาซัพพอตแหล่งน้ำในเมือง ซึ่งก็มีอีกหลายโครงการซึ่งทางจังหวัดได้ดำเนินโครงการอยู่ ก็คิดว่าในปีหน้าหากเกิดสถานการณ์ลักษณะเช่นในปีนี้ ปัญหาก็คงจะน้อยกว่านี้ คาดว่าปีหน้าคงมีความพร้อมในการใช้น้ำ จากแหล่งน้ำต่างๆ ที่มาซัพพอตได้อย่างเต็มที่