วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเข้าไปขอรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม(สสจ.ฯ) ปรากฏว่ามีผู้โทรศัพท์เข้าสายฮอทไลน์ (hotline) สายด่วนโควิด 061-0192999  ชื่อนางสุทัศน์(สงวนนามสกุล) ชาวอำเภอนาหว้า แจ้งว่าตนเองอายุ 43 ปี ทำงานโรงงานแห่งหนึ่ง สามีอายุ 46 ปี อาชีพขับวินมอเตอร์ไซค์แถววัดไร่ขิง จ.นครปฐม และลูกชายอายุ 21 ปี ป่วยติดเชื้อโควิดทั้งครอบครัว แต่โรงพยาบาลยังไม่มีเตียงว่าง จึงจะกลับมารักษาตัวที่ รพ.นาหว้า ปัญหาคือไม่มีเงินค่าเหมารถ จึงตกลงกันว่าจะขับรถ จยย.กลับบ้านเกิด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สายด่วนฮอทไลน์เกรง จยย.จะรับน้ำหนักคนทั้งสามไม่ไหว จึงขอปรึกษาเพื่อหาทางออกว่าจะเดินทางกลับจังหวัดนครพนมอย่างไร ก็เป็นจังหวะที่ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นประจำจังหวัดนครพนมเข้ามาพอดี

หลังผู้สื่อข่าวทราบปัญหาของครอบครัวดังกล่าว จึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในส่วนกลาง ระหว่างนั้นนางสุทัศน์โทรศัพท์กลับมาที่สายฮอทไลน์อีกครั้งว่า ทาง รพ.ฯเพิ่งแจ้งมาว่าสามีติดเชื้อเข้าขั้นรุนแรง จะส่งรถพยาบาลมารับตัวไปรักษาเพียงคนเดียว เพราะมีเตียงว่างแค่ 1 เตียง ซึ่งสามีได้ตอบปฏิเสธกลับไปว่า ถ้าให้ไปรักษาคนเดียวขอตายกับลูกเมียที่บ้าน จะไม่เอาตัวรอดเพียงผู้เดียว ระหว่างนั้นก็มีหน่วยงานแห่งหนึ่งก็ได้ติดต่อประสานขอสำเนาบัตรประชาชนผู้ป่วยทั้ง 3 คน เพื่อจัดรถกู้ชีพนำส่งไปรักษาที่จังหวัดนครพนม ซึ่งนางสุทัศน์ได้ประสานทางฮอทไลน์สายด่วน สสจ.นครพนม เพื่อดำเนินการไปยัง รพ.นาหว้า จัดการเตียงรองรับผู้ป่วยทั้งสาม คาดว่าจะเดินทางถึงในเวลาไม่เกิน 05.00 น.ของวันที่ 7 กรกฎาคมนี้

ในวันเดียวกันเวลา 14.00 น. ทางดาน สสจ.นครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายแพทย์กิตติเชษฐ์ ธีรกุลพงศ์เวช นายแพทย์ชำนาญการ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) ร่วมแถลงข่าวว่าพบผู้ป่วยยืนยันผลเพิ่ม 17 ราย เป็นรายที่ 271-287 โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานก่อสร้างและพนักงานโรงงาน ซึ่งเฉพาะในรายที่ 286 เพศหญิงอายุ 39 ปี เป็นแม่ลูกอ่อนวัย 2 เดือน ก่อนหน้านี้ทารกน้อยอยู่กับคุณยายที่จังหวัดนครราชสีมา มีป้ามาทานอาหารที่บ้านและกอดรัดฟัดหอมหลานชาย ภายหลังญาตินำทารกเดินทางกลับมาส่งที่ ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มาทราบภายหลังว่าป้าติดเชื้อโควิด แม่จึงนำทารกซึ่งเริ่มมีอาการไข้ ถ่ายเหลวพบแพทย์ รพ.ท่าอุเทน ตรวจหาเชื้อพบมีผลเป็นบวก ทารกจึงเป็นผู้ป่วยรายที่ 223 ของจังหวัดฯ

ต่อมานำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงตรวจหาเชื้อ พบมีผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสทารกน้อยเพิ่มอีก 6 ราย จนทางจังหวัดนครพนมต้องมีคำสั่งปิด 2 หมู่บ้านเพื่อตรวจค้นหาเชื้อโควิดเชิงรุกกว่า 1,200 คน ประมาณ 200 กว่าหลังคาเรือน เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 4-18 กรกฎาคม  โดยแม่ของเด็กน้อยเบื้องต้นยังไม่พบเชื้อ แต่ด้วยที่ต้องให้นมลูกระหว่างรักษาโควิด เริ่มมีอาการไอจึงเก็บตัวอย่างหาเชื้อจึงพบว่าติดเชื้อโควิดดังกล่าว

ทั้งนี้ มีสถิติข้อมูลจากทีมตระหนักรู้สถานการณ์ สสจ.นครพนม ว่า ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายนฯเป็นต้นมาถึง ณ ปัจจุบัน(6 กรกฎาคม) มีผู้ป่วยยืนยันผลรวม 138 ราย ในจำนวนดังกล่าวไม่มีไทม์ไลน์สัมผัสเสี่ยงสูงผู้ใด จำนวน 90 ราย คิดเป็น 70 % เนื่องจากมีการประสานงานมายังสายด่วนฮอทไลน์ก่อนที่จะเดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดนครพนม และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด