ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายนิคม ศิลปศร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำสิงห์์ย อ.เมือง จ.ชุมพร ว่า ตำบลถ้ำสิงห์เป็นตำบลที่มีการปลูกทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นก้านยาว และหมอนทอง ซึ่งในอนาคตห่วงว่าจะเกิดปัญหาเดียวกับกาแฟที่มีการปลูกมากไม่แพ้ทุเรียน คือกาแฟล้นตลาด ราคาตกต่ำ เพราะชาวสวนได้โค่นกาแฟแล้วแห่มาปลูกทุเรียนกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าภาคไหนๆจังหวัดไหนๆ ก็ปลูกได้ เป็นนิสัยของเกษตรกรไทยที่เมื่อพืชผลทางการเกษตรตัวไหนราคาแพงก็จะแห่กันไปปลูกชนิดนั้น
นายนิคม กล่าวว่า และในช่วงนี้ผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็เป็นไปตามคาดการณ์ไว้ ชาวสวนถูกกดราคา ทุเรียนสุกไม่เกิน 80 % เหลือเพียง กก.70-75 บาท แต่หากทุเรียนเกิน 80 % จะเหลือเพียง 20 บาท ทำให้ชาวสวนต้องนำทุเรียนสุก มาแกะเอาเนื้อเพื่อกวนเป็นทุเรียนกวนขาย แต่ตนเองคิดว่าทุเรียนน่าจะทำได้มากกว่าการกวนนั้น จึงได้ทดลองนำทุเรียนมาแปรรูปด้วยการอบแห้งดู โดยนำเครื่องอบความร้อนที่มีอยู่ มาลองทำดู โดยมุ่งหวังว่าจะน่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาและช่วยชาวสวนทุเรียนได้อีกทางหนึ่ง
นายนิคม กล่าวต่อว่า ในระยะแรกที่ทดลองยอมรับว่าลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็มาลงตัว กับสูตรสำเร็จ คือการเอาทุเรียนสุกแกะแล้วเอาเมล็ดออก แล้วนำมาตีด้วยเครื่องตีแป้งโดยใส่เกลือลงไปเป็นส่วนผสมเล็กน้อย เพื่อยืดอายุของอาหาร การตีเนื้อทุเรียนเพื่อให้เนื้อทุเรียนเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายกับเนื้อครีม หลังจากนั้นเอาใส่ถุงในรูปแบบของกรวยเพื่อบีบลงในถาดเป็นชิ้นเล็กๆ ลักษณะคล้ายๆคุกกี้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วนำเข้าตู้อบลมร้อนในอุณหภูมิ 86 องศา ใช้เวลาอบ10 ชั่วโมง ก็จะได้ทุเรียนอบแห้ง รสชาติหวานมันธรรมชาติ เนื้อเหนียวหนึบคล้ายกล้วยกวน แต่คงความหอมของกลิ่นทุเรียน แต่ไม่รุนแรงเหมือนสุก หลังเสร็จเรียบร้อยก็แพ็คใส่กล่อง เพื่อไม่ให้ทุเรียนที่อบแล้วได้รับความชื้นจากภายนอก