"หนุ่มใหญ่" เครียด! ปลิดชีพดับ ทั้งที่ยังไม่รู้ผลตรวจพบเชื้อโควิด-19
9 ก.ค. 2564, 14:48
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ จ.สุพรรณบุรี วันที่ 9 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. พ.ต.ท.โสเพชร จันทร์พลงาม สารวัตรสอบสวน สภ.ทุ่งคลี อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายที่บ้าน ต.ทุ่งคลี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมกับประสานแพทย์เวร รพ.เดิมบางนางบวช และหน่ายงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี นำอุปกรณ์ป้องกันไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนหนึ่งยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ที่ริมถนนหน้าบ้าน และที่โรงเก็บของหลังบ้านพบร่างผู้เสียชีวิตใช้ผ้าห่มผูกคอตัวเองห้อยติดกับขื่อโดยที่พื้นมีรองเท้าแตะไฟฉายติดหน้าผากของผู้ตายวางอยู่และเก้าอี้พลาสติกสีแดงตั้งอยู่ แพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงสวมชุดป้องกัน ก่อนเข้าไปนำร่างผู้เสียชีวิตลงมาชันสูตรเบื้องต้นทราบชื่อนายศิริพร อายุ 39 ปี ไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายและร่องรอยการต่อสู้ เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-5 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงนำร่างผู้เสียชีวิตใส่ถุงซิปเพื่อความปลอดภัย จากนั้นได้ทำการตรวจหาเชื้อด้วย Rapid Antigen test (ชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน) ผลปรากฏว่าผู้ตายติดเชื้อโควิดเจ้าหน้าที่จึงรีบนำร่างผู้เสียชีวิตไปดำเนินการฌาปนกิจตามขั้นตอนมาตรการทันทีเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่
สอบถาม นางวิไล อายุ 61 ปี แม่ผู้ตายเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยความเสียใจน้ำตานองหน้าว่าตนอยู่ที่บ้านนี้กัน 3 คน ลูกชายเคยทำงานเป็น รปภ. อยู่ที่กรุงเทพแต่ได้ลาออกก่อนที่โรคโควิ จะระบาดแล้วมาทำงานรับจ้างทั่วไปอยู่ที่บ้านซึ่งผู้ตายเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวตนและสามี ซึ่งป่วยมีโรคประจำตัวหลายโรคทำงานไม่ไหว ก็ได้ลูกชายคนนี้ที่ช่วยทำงนหาเงินมาจุนเจือครอบครัวเลี้ยงดูพ่อแม่ ส่วนลูกสาวก็มีครอบครัวและแยกตัวออกไปอยู่กับครอบครัวและเมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมาลูกชายได้ไปเยี่ยมหัวหน้างานเก่าที่เคยทำงานด้วยกันบ้านอยู่กรุงเทพ มาซื้อที่ทำไร่อยู่ที่หมู่บ้านติดกันและมีอาการป่วยด้วยโรคปอดลูกชายไม่รู้ว่าอดีตหัวหน้าติดเชื้อโควิด หลังกลับจากเยี่ยมไข้แล้วจึงรู้ว่าอดีตหัวหน้าติดเชื้อโควิด ลูกชายก็ได้แยกตัวออกมานอนนอกบ้านทันทีไม่ได้เข้าใกล้พ่อแม่ และลูกชายก็รีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิมบางนางบวช เพื่อขอตรวจโควิดในวันเดียวกัน แต่ทางโรงพยาบาลคิวเต็มจึงให้กลับมากักตัวรอที่บ้าน หลังกลับจากโรงพยาบาลทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รพ.สต. และ อสม. ได้มาสอบถามและมีหนังสือให้กักตัวเพื่อรอตรวจหลังจากกักตัวได้ 2 วัน ลูกชายก็มาก่อเหตุฆ่าตัวตาย
นางวิไล แม่ผู้ตายเล่าให้ฟังอีกว่าลูกชายเป็นคนขยันแต่เป็นคนคิดมากและเก็บกดมีเรื่องอะไรจะไม่ค่อยเล่าให้พ่อแม่ฟัง กระทั่งก่อนเกิดเหตุลูกชายเล่าให้ฟังเพียงแค่ว่าเครียดที่ถูกกักตัวและเครียดเรื่องหนี้ที่ติดค้างไฟแนนท์ 20,000 บาท ลูกชายกลัวไม่มีเงินผ่อนหนี้และกลัวจะเป็นคนนำเชื้อโควิดมาติดพ่อแม่ จึงเครียดซึ่งตนก็ได้แต่ปลอบใจไม่ให้คิดมากแต่ไม่คิดว่าลูกชายจะมาคิดสั้นแบบนี้
ทางด้าน น.ส.พัชรี อายุ 37 ปี น้องสาวผู้ตาย เล่าว่า เมื่อคืนช่วงประมาณสองทุ่มพี่ชายได้โทรศัพท์มาหาตนรู้สึกแปลกใจเพราะพี่ชายไม่เคยโทรหาหลังรับสายตนจึงถามว่ามีอะไรพี่ชายบอกว่าฝากดูแลพ่อกับแม่ให้ดีด้วย ตนจึงถามกลับไปอีกว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าพี่ชายก็บอกว่าไม่มีอะไรจากนั้นก็วางสายปกติพี่ชายเป็นคนคิดมากเก็บกดมีปัญหาอะไรไม่เคยเล่าให้ฟังกระทั่งเช้ามีคนไปบอกว่าพี่ชายผูกคอตายแล้วจึงรีบไปดูรู้สึกเสียใจมากพี่ชายเป็นเสาหลักของครอบครัว
น.ส.กุลธิดา บุญยงค์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุ่งลี เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เนื่องจากไปสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าไปสอบสวนโรคแล้วพบว่ามีผู้ร่วมสัมผัสเสี่ยงจำนวน 4 คน และได้ทำหนังสือกักแล้วอยู่ระหว่างรอตรวจหาเชื้อรอบแรก และผู้เสียชีวิตก็ออยู่กับพ่อแม่รวม 3 คน ก็ถูกสั่งกักตัวทั้งหมดหลังจากสั่งกักตัวทางสาธารณสุข อสม. และผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้ทอดทิ้งได้นำสิ่งของมามอบให้มาเยี่ยมให้กำลังใจซึ่งภายใน 1-2 วัน ก็จะได้ไปตรวจหาเชื้อแล้วไม่คิดว่าผู้กักตัวรายนี้จะคิดสั้นก่อเหตุทั้งที่ยังไม่ได้ตรวจหาเชื้อและยังไม่รู้ว่าติดเชื้อหรือไม่ ก็มาก่อเหตุขึ้นก่อนอย่างไรก็ตามหลังจากตรวจหาเชื้อผู้เสียชีวิตแล้วพบติดเชื้อโควิด-19 จึงได้สั่งกักตัวพ่อกับแม่ ของผู้เสียชีวิตและจะรีบทำการตรวจหาเชื้ออย่างเร่งด่วนทันที