หนุ่ม กรรชัย ถามแทนชาวบ้าน ศธ. สั่งเอกชน ลดค่าเทอมไม่ได้เหรอ!?
10 ก.ค. 2564, 12:09
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดใจในรายการ โหนกระแส ดำเนินรายการโดยหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย กรณีภาครัฐประกาศให้เรียนออนไลน์ แต่รายได้ผู้ปกครองไม่มี ขณะที่ค่าเทอมยังเท่าเดิม จะมีมาตรการช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง
สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น มีการประกาศให้เปิดเทอมทั้งที่สถานการณ์เลวร้าย สุดท้ายส่งผลให้นักเรียนจำนวนไม่น้อยติดโควิด 19 ยกตัวอย่างคลัสเตอร์ฟันน้ำนม เด็กรับเชื้อจากคุณยาย เด็กเอาไปติดเพื่อน ?
"ขอย้อนกลับไปนิดนึงก่อน ก่อนที่จะเปิดโรงเรียน วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 วันนี้ต้องยอมรับว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ กระทรวงศึกษาธิการมอนิเตอร์สถานการณ์ตลอดเวลา ภายใต้ ศบค. ฉะนั้น 17 พพฤษภาคม 2564 เราจะเปิดเทอม สถานการณ์ตอนนั้นเริ่มน่ากังวล เรามีการเลื่อนเปิดเรียนไปวันที่ 1 พอวันที่ 1 เราคิดว่าเราจะเปิดได้ ช่วงนั้นมีเสียงหลายทางมาก
บางโรงเรียนพร้อมที่จะเปิด แต่บางโรงเรียนไม่พร้อมเปิด ณ วันที่ 1 เราจึงประกาศไปเป็นวันที่ 14 แต่เราก็เปิดช่องทางไว้ว่าโรงเรียนใด สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ก่อนวันที่ 1 ก็สามารถเปิดได้ อยากให้มองภาพประเทศไทยในบริบทความหลากหลายในเรื่องการศึกษา เฉพาะในสังกัด สพฐ. เรามีโรงเรียน 3 หมื่นโรงเรียนในประเทศไทย โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เด็กต่ำกว่า 120 คน มีอยู่ 1.5 หมื่นโรงเรียน เขาสามารถเรียนภายใต้มาตรการ Social Ditancing ได้ ดิฉันเองลงไปพื้นที่เชียงใหม่ล่าสุด ขอนแก่น โรงเรียนแห่งหนึ่งมี 200 คน ผอ. บอกเลยว่าเขาพร้อมเปิดโรงเรียนมาก เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องประกอบสัมมาอาชีพ ไม่มีคนที่จะดูแลเด็กที่บ้าน
ดังนั้นโรงเรียนจึงเหมือนบ้านที่สองสำหรับเขา กำลังจะพูดว่าภายใต้โรงเรียนทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศไทย เรามีสถานการณ์การแพร่กระจายโควิด 19 ไม่เท่าเทียมกัน ในบางพื้นที่เขาสามารถเปิดได้ เราได้ให้อำนาจ เราได้กระจายอำนาจ ได้มอบตรงนี้ให้ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัด ประธาน ศบค. จังหวัด โรคติดต่อจังหวัดในการตัดสินใจ เพราะผู้ว่าฯ รู้พื้นที่ดีกว่ากระทรวงแน่นอน ว่าเขาแตกต่างกันยังไง ฉะนั้นก่อนที่จะเปิด ไม่ได้อยู่เฉย ๆ แล้วเปิดเลย เรามีขั้นตอนชัดเจนคือสาธารณสุขในพื้นที่กับ ศบค. จังหวัดได้มีการตรวจสอบโรงเรียนก่อน ต้องตรวจคุณภาพโรงเรียนก่อนว่า 44 ข้อ โรงเรียนทำได้มั้ย ผ่านมั้ยถึงสามารถเปิดให้นักเรียนไปโรงเรียนได้ ฉะนั้นให้มั่นใจว่ามาตรการตรงนี้เราได้ให้พื้นที่เป็นตัวประเมินและดูสถานการณ์ตรงนั้นในเบื้องต้น"
สุดท้ายพอเปิดขึ้นมา มีกรณีเด็กติดโควิด 19 ขึ้นมา จะเข้าไปแก้ไขยังไง ?
" ยอมรับค่ะว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ สิ่งที่กระทรวงศึกษามาทำ คือภายใต้สถานการณ์ไม่ปกติที่เราเผชิญทั่วโลก เราจะสร้างสมดุลยังไง หนึ่งการเรียนการสอนต้องไม่ขาดช่วง กับโจทย์ที่เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กเป็นอันดับหนึ่ง ฉะนั้นเราไม่ได้คิดลอย ๆ ณ วันที่ 14 เรามอนิเตอร์ตลอด วันที่ 14 โรงเรียน 2 หมื่นโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ยินยอมที่จะเปิดเรียนจาก 3 หมื่นโรงเรียน ขณะนี้โรงเรียนที่เขาเปิดออนไซต์ เขาสามารถประเมินได้อีก 1.5 หมื่นโรงเรียน นี่เราพูดถึงภาพรวม แต่ในพื้นที่สีแดงเข้ม กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี และอีกหลาย ๆ จังหวัด เราได้ให้มีการเรียนออนไลน์มาตลอดอยู่แล้ว กระทรวงมีการประชาสัมพันธ์ไปแล้วว่าการเรียนภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้ เราถึงต้องออกแบบการเรียนถึง 5 รูปแบบ
การเรียนตรงนี้เป็นทางเลือกให้บริบททางสังคมที่หลากหลายของประเทศไทยได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้มากที่สุด แต่ว่าอย่างที่เป็นห่วง มีเด็กติดโควิด 19 จากที่ พอมาโรงเรียนก็เริ่มติดกันแล้ว ตรงนี้เป็นมาตรการที่เราทำกันมาโดยตลอดคือปิดโรงเรียน จริง ๆ ศบค. แค่ปิดหนึ่งห้อง ห้องอื่นเรียนต่อได้ แต่ของเรามาตรการไปไกลกว่านั้นคือเมื่อเป็นคนหนึ่งเราปิดทั้งโรงเรียนก่อน ฉะนั้นของเราตอนแรกเปิด 2 หมื่น พอพื้นที่ไหนไม่ทันติด แค่ชุมชนติด เขาก็เริ่มปิดแล้ว "
เราไม่ต้องเปิดก่อนไม่ดีกว่าเหรอ พอเปิดแล้วต้องมานั่งไล่แก้กันแบบนี้ ?
" อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเรามีมุมมองแบบไหน คือเราก็ต้องดูบางพื้นที่ เพราะอย่างที่พูดบางพื้นที่ในประเทศไทย ผู้ปกครองเองก็อยากให้ลูกได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา และเขายังเป็นพื้นที่สีเขียวอยู่ ผู้ปกครองเองต้องมองถึงความหลากหลายของสังคมเรา ความพร้อมของแต่ละครอบครัวเขาไม่เหมือนกัน บางครอบครัวเขามีเวลาอยู่ที่บ้าน อยู่กับลูก แต่บางครอบครัวเขาจำเป็นต้องดิ้นรนออกไปหางานทำยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ เขาต้องไปทำงานด้วย ในพื้นที่ที่เขายังทำงานได้อยู่ ฉะนั้นเลยเป็นการยื้อกันอยู่แบบนี้ เราก็ต้องมีหลักยึดของเราอยู่อย่างนี้"
เด็กนักเรียนบางที่อยู่ในบ้านเรียนออนไลน์ วิธีการเรียนการสอนเปลี่ยนไปหมดแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือท่าเทอม ค่าใช้จ่าย เรื่องโรงเรียนรัฐหรือโรงเรียนเอกชน ภาครัฐไม่เรียกว่าค่าเทอม ?
" ของรัฐบาลเรียนฟรี ก็จะมีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ค่ะ ก็ไม่ได้เท่าเดิม หลาย ๆ ที่โดยเฉพาะภาครัฐ เรามีมาตรการทั้งภาครัฐและเอกชน ขอความร่วมมือค่าธรรมเนียมใด ๆ ก็ตามที่ไม่ได้เกิดกิจกรรมเกิดขึ้น ก็ต้องคืนให้ผู้ปกครอง เช่นช่วงติดโควิด 19 ว่ายน้ำไม่ได้ ค่าอาหารกลางวันต่าง ๆ ค่าแอร์ ต่าง ๆ เหล่านี้แต่ละโรงเรียนมีไม่เหมือนกัน ซึ่งค่าธรรมเนียมไม่ว่าจะเป็นค่าบำรุงห้องสมุดใด ๆ ก็ตาม ทัศนศึกษาซึ่งไม่ได้ไปแน่ ๆ กิจกรรมอะไรที่ไม่ได้เกิดขึ้น ที่เป็นกิจกรรมเสริม ก็ขอความร่วมมือให้คืนกับผู้ปกครอง"
เอกชนล่ะ ?
" เอกชนเราก็ขอความร่วมมือไป ภาคเอกชนเขามีค่าบำรุงการศึกษา และค่าธรรมเนียม ค่าบำรุงการศึกษา ต่อให้เป็นการเรียนออนไลน์หรือออนแอร์ก็ถือว่ายังมีการศึกษาอยู่ ถือว่าอยู่ในกรอบของการเรียนการศึกษา แต่ค่าธรรมเนียมที่เราไม่สามารถทำกิจกรรมได้ เราก็ขอความร่วมมือจากภาคเอกชน"
กระทรวงศึกษา สามารถใช้คำว่าขอความร่วมมือได้เท่านั้น ไม่มีนโยบายในการสั่ง ?
" เรียนตามตรงว่าเราขอความร่วมมือเป็นหลัก ในส่วนภาคเอกชน ถ้าสถานการณ์ปกติ เราถือว่าเขาได้จัดการศึกษาเพื่อเป็นทางเลือกให้ภาครัฐ เพราะสมัยก่อนต้องยอมรับว่าการที่ภาครัฐจะจัดการเรียนการสอนได้ในระดับหนึ่ง แต่เอกชนมีความสามารถในเรื่องต่าง ๆ ก็เป็นทางเลือกให้ผู้ปกครองอีกกลุ่มหนึ่งที่เขาเต็มใจที่จะส่งลูกไปทางนั้น ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐไม่มีทางเลือกแบบนั้นให้กับทุกกลุ่ม ดังนั้นสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ เราก็ขอความร่วมมือให้ทางโรงเรียนเอกชนลดค่าเทอมได้มั้ย ถ้าลดไม่ได้ตรึงได้มั้ย ตรึงไม่ได้หรือขอลดหน่อยต่าง ๆ นานาได้มั้ย หรืออย่างน้อยที่สุดในปีการศึกษาหน้าไม่เพิ่มได้มั้ย หรือตรึงได้มั้ย แต่ถ้าจะเพิ่มเด็กนักเรียนเก่าก็ต้องขอความร่วมมือให้เขาไม่อยู่ในค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพราะถ้าเป็นภาคการศึกษาใหม่ กลุ่มใหม่ก็เป็นการตกลงกับผู้ปกครองและโรงเรียนเองร่วมกัน"
ภาครัฐ จะทำเรื่องคืนให้ ?
"ทำไปเป็นเดือนแล้วค่ะ ไม่ได้เพิ่งเริ่มทำ เราทำตั้งแต่ต้น ๆ เทอมด้วยซ้ำ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าการเรียนการสอนเปลี่ยนไป ค่าใช้จ่ายบางอย่างไม่ได้เกิดขึ้น อันนี้เป็นนโยบายตั้งแต่แรก แต่มีบางกลุ่มที่เดือดร้อนอยู่ ตรงนี้กระทรวงเองก็ยินดี เราไม่ได้ละเลย ขอความร่วมมือเป็นระยะ ๆ"
ของภาคเอกชน กระทรวงทำได้แค่ขอความร่วมมือเท่านั้น มีอะไรกั้นอยู่ ?
" ส่วนเอกชน กรณีเราได้ทำเรื่อง มีคำสั่งและขอความร่วมมือไปแล้ว ขณะเดียวกันกรณีที่มีบางโรงเรียนปรับราคาที่ไม่เหมาะสม ไม่เป็นธรรม ทางกระทรวงก็ต้องเรียกเข้ามาชี้แจง ว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น หรือที่ไม่ได้มีการจัดคืนไปให้ทางโรงเรียนมีความจำเป็นอย่างไร และมีความเหมาะสมเช่นไร ก็เป็นหน้าที่กระทรวงเองที่จะทบทวนและพูดคุยกับโรงเรียนด้วยค่ะ ถ้ามีสิ่งใดที่อาจมองเห็นเรื่องความไม่เป็นธรรมของแต่ละโรงเรียนก็สามารถแจ้งมาได้ที่กระทรวงโดยตรง
โรงเรียนภาคเอกชนเขาอาจมีเรื่องการจ้างครู ค่าจิปาถะ แต่เรื่องการเยียวยา หรือมีการเรียนการสอนที่บ้าน การศึกษามันลดระดับลงไป อย่างลูกสาวผมต้องเรียนออนไลน์ แต่ก็ยังต้องจ่ายค่าเทอมเท่าเดิม ลดนิดหน่อยไม่รู้จะนิดคำไหน มันนิดจริง ๆ เขาบอกว่าเขาลดไม่ได้แล้ว ที่อื่นก็ไม่ลดเหมือนกัน"
ตรงนี้อยากให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนหน่อยในการไปพูดหรือถ้าไม่ใช้คำว่าขอความร่วมมือ แต่เป็นคำสั่งได้มั้ย ?
"เราไม่ได้มีกฎหมายตรงนี้รองรับ อันนี้ต้องเรียนตรง ๆ ที่ผ่านมาอาจมีบางโรงเรียนเรากำชับตลอดเป็นระยะ แต่สิ่งที่สำคัญคือสถานศึกษา ในบางโรงเรียนในราคาหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่ากันเพราะบางอย่างของโรงเรียนที่แตกต่างกันไป แต่ถ้ามีประเด็นอะไร กระทรวงฯ มีความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองทาง เพราะตอนนี้เราพยายามทำความเข้าใจทั้งภาคเอกชนและผู้ปกครอง ก็อยากให้ทางโรงเรียนจัดในเรื่องค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เป็นธรรมเพื่อช่วยผู้ปกครองในสถานการณ์เช่นนี้"