วันนี้ 10 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงาน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในพื้นที่ ข้อมูลวันที่ 10 ก.ค.64 ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 42 ราย หายป่วยกลับบ้านเป็น 0 ราย  เสียชีวิตสะสม 11 ราย

 

 ทำให้จังหวัดกาญจนบุรีมีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.64 จนถึงปัจจุบัน 834 ราย เป็นชาย 356 ราย หญิง 475 ราย รักษาหาย 0 ราย สะสม จำนวน 488 ราย รักษาอยู่โรงพยาบาล จำนวน 335 ราย โดยผู้ป่วย จำนวน 834 ราย มีภูมิลำเนาอยู่ใน 13 อำเภอ ประกอบด้วย

 

อ.ทองผาภูมิ 70 ราย อ.เมือง 165 ราย อ.ท่าม่วง 85 ราย  อ.ไทรโยค 18 ราย อ.พนมทวน 55 ราย อ.ท่ามะกา 150 ราย  อ.ด่านมะขามเตี้ย 5 ราย อ.ห้วยกระเจา 16 ราย อ.หนองปรือ 105 ราย อ.บ่อพลอย 25 ราย  อ.เลาขวัญ 6 ราย อ.สังขละบุรี 31 ราย อ.ศรีสวัสดิ์ 81 ราย นอกจังหวัด 95 ราย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรายงานของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี พบว่า เป็นชาย 19 ราย หญิง 23 ราย ผู้ป่วยอายุน้อยที่สุด คือผู้ป่วยรายที่ 813 เป็นหญิง อายุ 10 เดือน ชาว ต.หนองกุม อ.บ่อพลอย ตรวจพบติดเชื้อวันที่ 8 ก.ค.64 แหล่งติดเชื้อกลับจากพื้นที่เสี่ยง จ.นครราชสีมา รักษาตัวที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา ส่วนผู้ป่วยรายที่ 794 เป็นชาย อายุ 20 ปี เป็นชาว จ.ยะลา ติดเชื้อมาจากนอกจังหวัด รักษาตัวอยู่ที่ รพ.มะการักษ์

 

และการพบผู้ติดเชื้อในครั้งนี้ ผลปรากฏว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อมาจากผู้ป่วยรายเดียวกัน จำนวน 2 อำเภอ คือผู้ป่วยรายที่ 769-806 รวมจำนวน 11 ราย เป็นชาย 4 คน หญิง 7 คน โดยทั้ง 11 ราย มีแหล่งติดเชื้อสัมผัสผู้ป่วยรายเดียวกันคือรายที่ 708 ทั้งหมดรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พหลฯ และอีก 1 อำเภอคือ ชาว ต.หนองเป็ด อ.ศรีสวัสดิ์ คือผู้ป่วยรายที่ 821-826 รวม 6 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 5 ราย พบแหล่งติดเชื้อสัมผัสผู้ป่วยรายเดียวกันคือรายที่ 820 ทั้งหมดรักษาตัวที่ รพ.ท่ากระดาน สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อจากผู้ป่วยรายเดียวกันจะเป็นคลัสเตอร์ใหม่ของจังหวัดกาญจนบุรีหรือไม่นั้น จะต้องรอการเปิดเผยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

จากการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีอย่างต่อเนื่อง และกระจายไปทั่วทุกอำเภอ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกัน พี่น้องประชาชนจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะจะต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา เมื่อยามออกนอกเคหสถาน รวมทั้งจะต้องหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ให้บ่อยครั้ง รวมทั้งต้องเว้นระยะห่าง และหากไม่จำเป็นก็ไม่ควรเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงโดยเด็ดขาด