วันนี้ 12 ก.ค. 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พิธีฆาเก่ ของบ้านกองม่องทะ วันนี้เริ่มขึ้นในช่วงเย็น ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ซึ่งก่อนหน้าที่จะประกอบพิธี 1-2 วัน จะต้องมีประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้ล่วงหน้า พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่น งดเดินทางมาในหมู่บ้านในวันที่จะประกอบพิธีฆาเก่ ซึ่งได้สืบทอดกันมาช้านานจนถึงปัจจุบัน ของชาวบ้านกองม่อมทะ

เมื่อถึงเวลาตามที่ได้ตกลงกันไว้ เจ้าพิธีและคณะจะนำภาชนะที่ได้จากการสานไม้ไผ่ ให้มีลักษณะคล้ายกระด้ง ภายในบรรจุดอกไม้ 3 สี ผลไม้ และข้าว 3 สี มาวางไว้บริเวณจุดที่กำหนด ซึ่งอาจเป็นลานวัด หรือลานกลางหมู่บ้าน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน  เพื่อให้ทุกคนในหมู่บ้าน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา มาร่วมพิธีฆาเก่ ด้วยการนำตอกไม้ไผ่  ที่เจ้าพิธีได้ จัดเตรียมไว้ให้ มาทำการปัดเป่าสิ่งไม่ดี รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บโดยเริ่มตั้งแต่ส่วนที่สูงสุดของร่างกายคือศีรษะลงไปจนถึงปลายเท้า ก่อนจะนำตอกไม้ไผ่ที่ทำพิธีแล้วโยนทิ้งลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้

ต่อจากนั้นจึงรับตอกอันที่ 2 จากเจ้าพิธีมาทำการกวาดโชคลาภและสิ่งดีให้เข้ามาอยู่กับตัวเรา พร้อมทั้งตั้งจิตอธิษฐานให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ก่อนจะนำตอกอันที่ 2 นี้กลับไปไว้บนหัวนอน หรือหิ้งพระในบ้าน เมื่อทำพิธีเสร็จชาวบ้านต่างรีบเดินทางกลับเข้าบ้านพร้อมปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด โดยห้ามออกจากบ้านจนจะถึงเวลารุ่งเช้าของวันใหม่

หมอพิธีจะรอทุกคนมาทำพิธีจนครบ เมื่อคนสุดท้ายเดินทางกลับบ้านพร้อมปิดประตูหน้าต่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หมอพิธีและผู้ช่วยจะรีบนำตอกไม้ไผ่ ทั้งหมดที่ผ่านพิธีเดินทางออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อถึงจุดที่กำหนดก็นำสิ่งของทั้งหมดมาวางกลางถนน ก่อนจะเริ่มนำตะแกรงไม้ไผ่ที่ได้จากการนำตอกไม้ไผ่เส้นบางๆ มาสาน ลวดลายคล้ายไซที่ใช้ดักปลา โดยมีลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า มาตั้งรอบๆ กระด้งที่บรรจุไม้ดอกที่ผ่านพิธีฆาเก่ของทุกคนไว้

ซึ่งเปรียบเสมือนการดักกั้นโรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งสิ่งไม่ดีทั้งหลายไม่ให้สามารถเข้ามาในหมู่บ้านได้ ต่อจากนั้นเจ้าพิธีก็จะทำพิธีฆาเก่เป็นคนสุดท้าย  ด้วยการปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายทิ้งไว้ในกระด้ง เช่นเดียวกัน

สุดท้ายเจ้าพิธีจะบริกรรมคาถา บอกกล่าวให้พระแม่ธรณี เจ้าป่า เจ้าเขา เทพยดาทั้งหลาย ที่ชาวบ้านนับถือได้รับรู้และร่วมป้องกันสิ่งไม่ดี ไม่ให้สามารถผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน ก่อนจะทำการตัดไม้ไผ่มาทำการปิดเส้นทางเข้าหมู่บ้านพร้อมทั้งรีบเดินกลับบ้านของตนเอง โดยมีข้อห้ามคือระหว่างเดินทางกลับห้ามมีการพูดคุยกัน หรือหยุดแวะระหว่างทาง โดยให้ตรงกับไปบ้านตนเองทันที

ในอดีตชาวกะเหรี่ยงจะประกอบพิธีฆาเก่ เฉพาะในช่วงที่มีโรคร้ายระบาด เช่น โรคห่า โรคอหิวาตกโรค ที่เป็นสาเหตุให้มีผู้คนล้มตาย หรือกรณีที่ได้ยินข่าวการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ของหมู่บ้านอื่น รวมทั้งเรื่องราวไม่ดีต่างๆ เช่น ข่าวการออกอาละวาด ที่ปล้นของโจรในอดีต โดยหมอพิธี จะต้องเป็นบุคคลที่มีความรอบรู้ มีวิชาอาคม และเป็นที่ยอมรับของคนในหมู่บ้าน

ปัจจุบันหมู่บ้านกองม่องทะ มีจำนวนประชากร 1,576 คน จาก 322 ครัวเรือน ถือเป็นหมู่บ้านที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในตำบลไล่โว่ จนถึงวันนี้ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายและด้วยความเข้มแข็งของชุมชนทำให้ยังไม่มีผู้ป่วยด้วยโรคระบาดโควิด-19 นับเป็นชุมชนตัวอย่างในการต่อสู้ กับโรคโควิด-19 ในครั้งนี้

นอกจากชาวบ้านบ้านกองม่องทะ จะพร้อมใจกันประกอบพิธีฆาเก่ ซึ่งเป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมาในอดีตแล้ว ปัจจุบันการประกาศปิดหมู่บ้าน  การตั้งด่านคัดกรองของชาวบ้าน ที่ทำร่วมกับผู้นำชุมขน เจ้าหน้าที่ รพ.สต.บ้านกองม่องทะ อสม.ชรบ. และเจ้าหน้าที่รักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเดินทางเข้าออก นอกจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการ เช่น ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ฝ่ายความมั่นคง ในสถานการณ์ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เท่านั้น รวมทั้งการเฝ้าระวังชาวบ้านที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ก็จะมีการจัดเก็บข้อมูล การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และให้เริ่มดำเนินการแยกกักตัวและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขจนกว่าจะครบกำหนด 14 วัน โดยอยู่ภายใต้การดูแล ของผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. อย่างใกล้ชิด

จากการดำเนินการปิดหมู่บ้านของคณะกรรมการหมู่บ้าน ร่วมกับการประกอบพิธีฆาเก่ ตามความเชื่อ ที่ชาวบ้านนำมาใช้ ร่วมกับมาตรการปิดเมืองสังขละบุรี ของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.กาญจนบุรี โดยนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการกาญจนบุรี เป็นผู้สั่งการโดยมีกำหนดปิดเป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 9 – 22 ก.ค.นี้ ทำให้ชาวบ้านกองม่องทะ มั่นใจว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ในครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน