เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"หนุ่มสุรินทร์" ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกตำรวจยัดยาบ้าให้กลายเป็นผู้ต้องหา


13 ก.ค. 2564, 07:04



"หนุ่มสุรินทร์" ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกตำรวจยัดยาบ้าให้กลายเป็นผู้ต้องหา




จากกรณีนายการเวก หรือกู วาลีประโคน อายุ 31 ปี  ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน กรณีถูกตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ จับกุมและยัดยาบ้า ตั้งข้อหาว่าเสพยาเสพติดให้โทษ และจำหน่ายยาบ้า เหตุเกิดบริเวณทุ่งนา บ้านกระดาน หมู่ 8 ต.หนองเหล็ก อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2556 เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะเข้าไปดูเพื่อนซ้อมไก่ชน ระหว่างนั้น ได้เห็นชาย 3 คน ลักษณะคล้ายตำรวจ จึงได้วิ่งหนีไปตามทุ่งนา เพราะกลัวจะถูกจับในเรื่องชนไก่ ก่อนถูกจับกุมและ จนท.ขอตรวจสอบกระเป๋าสะพาย ซึ่งในกระเป๋ามีเงินสดอยู่จำนวน 3,000 บาท เมื่อค้นแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงคืนกระเป๋าให้ จังหวะเดียวกันนั้น ชายอีก 2 คน ได้ตามมาและขอตรวจค้นกระเป๋าอีกครั้ง จึงส่งให้ตรวจค้นอีกครั้ง เมื่อตรวจค้นแล้วจึงให้กระเป๋าคืน

และเมื่อเปิดดูในกระเป๋าพบว่าเงินสดจำนวน 3,000 บาทได้หายไป จึงได้ถามว่าเงินในกระเป๋าจำนวน 3,000 บาทหายไปไหน ชายที่ตามมาทีหลังบอกว่าทำตกหายตอนวิ่งหนีหรือเปล่า พร้อมได้ช่วยกันเดินตรวจดูบริเวณพื้นที่เกิดเหตุดู 3 รอบ และในรอบที่ 3 ชายคนที่มาตามทีหลังเจอถุงพลาสติกใสตกอยู่กลางทุ่งนา แล้วหันมาถามว่า นี่มันยาบ้า เป็นของตนหรือเปล่า ตนตอบปฏิเสธและขอเงินคืนจำนวน 3,000 บาท แต่กลุ่มชายดังกล่าวไม่ยอมคืนและให้ตรวจปัสสาวะ ก็ไม่ปรากฏว่ามีสารเสพติดใดๆทั้งสิ้น ก่อนพาไปโรงพักศีขรภูมิ หลังจากนั้นก็จับเข้าห้องขังแล้วแจ้งข้อกล่าวหาว่าเสพยาเสพติด และมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง เพื่อเสพและจำหน่าย จำนวน 20 เม็ด แต่ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และไม่ยอมเซ็นชื่อในบันทึกการจับกุม และจะขอต่อสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุด




โดยนายการเวก วาลีประโคน ผู้ร้อง เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นว่า ขณะที่ตนไปดูเพื่อนชนไก่ อยู่กันประมาณ 5 คน ขณะระหว่างที่พักยก เพื่อนได้นั่งก้มหน้าเช็ดน้ำไก่อยู่ ส่วนตนยืนและมองไปที่ถนน เห็นตำรวจมาเลยตกใจวิ่งหนี เพราะกลัวจะถูกจับในเรื่องชนไก่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งไล่ตาม พอตนตั้งสติได้เลยหยุดวิ่งและเหนื่อยเลยยอม แล้วก็ถามทางตำรวจไปว่าจะจับผมเรื่องอะไรครับ ก่อนตำรวจจะขอค้นกระเป๋าสะพาย ในระหว่างที่ตำรวจคนแรกค้นอยู่ ตนก็ยังมองเห็นเงินตนในกระเป๋า จำนวน 3000 บาท คนแรกค้นเสร็จ ก็มีตำรวจตามมาอีก 2 คน ขอค้นกระเป๋าอีกรอบ ตำรวจอีกคนขอตรวจฉี่ หลังตรวจเสร็จก็ไม่มีผลอะไร ไม่พบสารเสพติด ตำรวจก็แยกย้ายกันกลับ พร้อมคืนกระเป๋าสะพายให้กับตน จากนั้นตนได้ตรวจดูในกระเป๋าพบว่าเงินของตนหายไป จำนวน 3000 บาท ตนจึงโวยวายถามตำรวจไปว่าเงินผมหาย ที่ค้นเมื่อกี้เห็นเงินผมไหม ทางตำรวจบอกว่าไม่เห็น แล้วพูดใส่ตนว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ ตนก็บอกไปว่าคนแรกที่ค้นยังเห็นเงินผมอยู่เลย ทำไมเป็นตำรวจมาทำอย่างนี้ ตนก็ขอเงินคืน และบอกว่าพี่ชายตนก็เป็นตำรวจเหมือนกัน ตนไม่ยอมเพราะเงินของตนหายากด้วย ตนก็เลยยื่นโทรศัพท์ให้คุยกับพี่ชายที่เป็นตำรวจ พอวางสายเสร็จตนก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน แล้วตำรวจก็ถามตนว่าพี่ชายมึงเป็นตำรวจจริงป่าวกูอยากรู้ หลังจากนั้นก็พาตนเดินหาเงินไปตามทุ่งนาที่วิ่งมา เดินไปหลายรอบก็ไม่มีอะไร จนรอบสุดท้ายตำรวจก็บอกว่า เดินหาอีกรอบสุดท้าย พอหารอบสุดท้าย เป็นการเดินเรียงหน้ากระดานทั้งหมดแบบปูพรม พอเดินไปสักพักมีดาบตำรวจคนหนึ่งก็ชี้ไป บอกว่ายามึงหรือป่าว นี่ห่ออะไรยามึงหรือป่าว ตนก็บอกไปไม่ใช่พี่อย่ามาทำอย่างนี้ ไม่ใช่ยาผมผมไม่จับ ไม่เอา

หลังจากนั้นก็จับตนไปที่โรงพัก สภ.ศีขรภูมิ จากนั้นนำตนไปที่ห้องสืบสวน ก็ไม่ได้พูดอะไร จู่ๆก็เอาสำนวนมาให้ตนเซ็น ตนอ่านดูก็ตกใจ ทำไมมาเขียนว่าตนเสพยาเสพติดและมียาเสพติดจำนวน 20 เม็ด ทั้งๆที่ตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก่อนหน้านี้ตนก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวและไม่มีประวัติเรื่องยาเสพติดเลย ตนเห็นสำนวนก็บอกไม่ใช่ข้อเท็จจริง ผลตรวจหาสารเสพติดในร่างกายก็ไม่มี ในบันทึกการจับกุมได้ระบุว่าตนมีฉี่สีม่วง หลังจากนั้นญาติก็มาเอาไปตรวจซ้ำ 2 รอบ ที่โรงพยาบาลสำโรงทาบ แพทย์ก็ยืนยันว่าไม่มี ซึ่งระยะการตรวจห่างกันไม่กี่ชั่วโมง จากที่ตรวจในพื้นที่ประมาณบ่าย 2 โมง มาตรวจที่ สภ.เวลาประมาณ 5-6 โมงเย็น จากนั้นญาติตนก็มาและตรวจซ้ำอีกประมาณ 1 ทุ่ม วันเดียวกัน ผลที่ออกมาก็ไม่พบสารเสพติดแพทย์ก็ยืนยัน ตนคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และตนก็มีเอกสาร หลักฐาน ที่คิดว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นการกลั่นแกล้ง โดนยัดยาแน่นอน ยืนยันตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ตนก็อยากขอร้องความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนให้ช่วยตรวจสอบชั้นสอบสวนชุดจับกุม ว่าเขาทำงานด้วยความบริสุทธิ์หรือไม่ อยากให้ผู้การตำรวจและผู้กำกับได้ดำเนินการให้ความเป็นธรรมและความจริงปรากฏ การที่มาทำแบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย ตนยืนยันอีกครั้งและมั่นใจว่าตนบริสุทธิ์และยินดีให้ตรวจสอบ เรื่องนี้ตนได้ยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์และทางผู้กำกับ สภ.ศีขรภูมิแล้ว และอยากขอให้ตั้งชุดสอบสวนใหม่ พร้อมย้ายตำรวจชุดดังกล่าวออกนอกพื้นที่ไปก่อนด้วย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา แล้วนั้น



วันนี้ (12 ก.ค. 64) ที่สถานีตำรวจภูธรศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ นายคำสิงค์ ชอบมี ทนายความที่เคยว่าความช่วยเหลือน้องแนน สาวติดคุกฟรี 21 เดือน จนได้รับอิสรภาพ ศาลฏีกาตัดสินเป็นผู้บริสุทธิ์ และนายนุกูล แก้วกาญจน์ ทนายความ คนที่ 2 พร้อมด้วยนายการเวก วาลีประโคน ผู้ถูกกล่าวหา ได้มาให้การเพิ่มเติมต่อ ร.ต.อ.กิตธิพงษ์ พรหมบุตร พนักงานสอบสวน สภ.ศีขรภูมิ พร้อมมอบหลังฐานเพิ่ม ซึ่งเป็นคลิปวีดีโอ คำสารภาพของ ส.ต.ต.ยศอนันต์ สิมมาพิมพ์ ตำรวจชุดสืบสวน สังกัด สภ.ศีขรภูมิ หนึ่งในชุดจับกุมนายการเวก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย..64 ที่ผ่านมา ความยาว 02.17 นาที

โดยเนื้อหาในวิดีโอ ส.ต.ต.ยศอนันต์ ระบุว่า เนื่องจากกระผมได้ลงชื่อในบันทึกจับกุม เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในคดีมียาเสพติดให้โทษ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งในวันนี้วันที่ 8 มิ.ย.64 กระผมขอให้การยืนยันข้อเท็จจริงประเด็นสำคัญทางคดี ดังนี้ 1.ในขณะที่ข้าพเจ้าวิ่งตามนายการเวก อย่างกระชันชิดนั้น ข้าพเจ้าไม่พบเห็นว่านายการเวก ได้โยนสิ่งของหรือวัตถุอื่นใดออกจากร่างกาย 2.ในขณะตรวจค้นตัวและกระเป๋าคาดอกที่นายการเวก วาลีประโคน สวมใส่ ไม่พบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย 3.ขณะที่ข้าพเจ้าวิ่งติดตามนายการเวก จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ได้พบเห็นยาบ้าตกหล่นนั้น ข้าพเจ้าไม่พบเห็นนายการเวก ได้โยนสิ่งของใดออกจากร่างกาย 4.ข้าพเจ้าพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและนายการเวก วาลีประโคน ร่วมกันเดินหาเงินที่สูญหาย บริเวณเส้นทางที่หลบหนีครั้งแรกนั้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและเมื่อเดินหาบริเวณเดิมเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งจะหาเป็นครั้งสุดท้ายนั้น กลับพบยาเสพติด ซึ่งสร้างความแปลกใจและสงสัยให้กับข้าพเจ้า 5.ในชั้นจับกุมนายการเวก ได้ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้เสพยาบ้าและไม่มียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย สิ่งที่ข้าพเจ้าได้พูดไปนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้ตั้งใจและไม่มีเจตนาใดกลั่นแกล้งหรือว่าให้ร้ายหรือใส่ร้ายผู้ใด เพียงแต่ข้าพเจ้าพูดในข้อเท็จจริงที่มันปรากฏขึ้นในความเป็นจริง ขอบคุณครับ

ขณะที่นายการเวก กล่าวเพียงสั้นๆว่า ตอนนี้ตนได้ทำหนังสือยื่นต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรศีขรภูมิ ไปแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ก็เลยต้องมาร้องสื่อและขอพึ่งทางทนายความให้การช่วยเหลือ ซึ่งตนขอยืนยันในความบริสุทธิ์อย่างเต็มที่และจะขอสู้ให้ถึงที่สุด

ด้านนายคำสิงห์ ชอบมี ทนายความ เปิดเผยว่า ตนได้รับการร้องทุกข์จากนายการเวก ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในถูกดำเนินคดีเรื่องยาเสพติด วันนี้ตนได้พาลูกความมาให้การเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน ประกอบไว้ในสำนวน ซึ่งจากการได้สอบถามในเบื้องต้น และรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ตนเชื่อลูกความตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตำรวจกล่าวหา โดยเฉพาะหนึ่งในชุดจับกุม คือ ส.ต.ต.ยศอนันต์ สิมมาพิมพ์ ได้มีการอัดคลิปวีดีโอรับรองข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามคลิป และจากการสอบถามลูกความ เป็นผู้ที่มีสถานะเป็นคนยากจน และไม่ได้รับความเป็นธรรมในขบวนการถูกดำเนินคดีอาญาในครั้งนี้ ตนพร้อมทนายนุกูล จึงรับว่าความให้ฟรีจนคดีถึงที่สุด เพื่อต่อสู้ให้ได้ซึ่งความยุติธรรม

ในขั้นตอนต่อไปจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ซึ่งตนเชื่อด้วยพยานหลักฐานหนึ่งในชุดจับกุมได้แถลงข้อเท็จจริงและอัดคลิปวีดีโอไว้ ตนเชื่อลูกความเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน ซึ่งคดีนี้เป็นการต่อสู้เรื่องสิทธิและเสรีภาพ ที่ประชาชนต้องการเรียกร้องความเป็นจริง ความเป็นธรรม จากกระบวนการยุติธรรม สำหรับระยะเวลาดำเนินการนั้นก็อยู่ที่ขบวนการของพนักงานสอบสวน หากรวบรวมพยานหลักฐานน้อยอาจจะไม่สั่งฟ้อง ก็จบในชั้นตำรวจ ชั้นอัยการ หากเห็นว่าสั่งฟ้องก็ต้องไปสิ้นสุดที่ศาล

ในขณะเดียวกันตอนนี้ผู้ต้องหาก็ได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรศีขรภูมิ แต่ก็ยังเงียบอยู่ไม่มีความคืบหน้าเลย จนต้องมาร้องสื่อและขอให้ทนายได้ช่วยเหลือ ส่วนเรื่องผลแห่งคดีนั้นก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาชุดจับกุมจะได้พิจารณา ซึ่งตนจะไม่ขอก้าวล่วง แต่ขอยืนยันว่าจากการสอบถามข้อมูลหลักฐานเบื้องต้นแล้วเชื่อว่าลูกความตนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.