เรียกได้ว่าเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในวงกว้าง เมื่อหลายสำนักข่าวทั่วโลกรายงานข่าวว่า  ดร.โสมยา สวามีนาธาน หัวหน้านักวิทย์องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ไม่เห็นด้วยกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดกัน จนเจ้าตัวต้องออกมาแก้ไขในทวิตเตอร์ส่วนตัวแล้วนั้น

ดร.โสมยา สวามีนาธาน หัวหน้านักวิทย์องค์การอนามัยโลก  ได้ทวิตข้อความว่า “ประชาชนไม่ควรตัดสินใจเอง (ว่าจะสลับฉีดวัคซีนอย่างไร) แต่หน่วยงานสาธารณสุขสามารถทำได้ ตามข้อมูลที่หน่วยงานนั้นมีอยู่ เราเองรอข้อมูลการศึกษาจับคู่ของวัคซีนต่าง ๆ โดยจำเป็นต้องประเมินทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยด้วย” แต่แท้ที่จริงแล้ว ดร.โสมยา สวามีนาธาน ต้องการจะสื่อว่า ถ้าหากสาธารณสุขแต่ละประเทศมีข้อมูลและวางแผนฉีดให้ประชาชนแล้วนั้น ทางองค์การอนามัยโลก ไม่ได้ห้ามฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดกัน  แต่ถ้าประชาชนคิดจะสลับตัวเลือกวัคซีนเองนั้นไม่ควรทำ เพราะเสี่ยงเกิดอันตราย

หลังจากนั้นทำให้กระแสข่าวดังกล่าวได้เผยแพร่ไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนเกิดกระแสความหวาดกลัวเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดกัน  โดยเฉพาะประเทศแคนาดา ที่กำลังรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซเนก้า (ชนิดไวรัสเวกเตอร์) เป็นเข็มแรก และฉีดไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา (ชนิด mRNA) เป็นเข็มที่สอง โดยอ้างอิงจากศึกษางานวิจัยในสหราชอาณาจักรและสเปน ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ

ดร.แคโรลีน กัวธันห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็กและนักจุลชีววิทยาทางการแพทย์ของศูนย์เซนต์จัสตินในมอนทรีออล และอดีตประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน (NACI) กล่าวว่า เมื่อหน่วยงานสาธารณสุขและคณะกรรมการที่ปรึกษาให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 รวมถึงสูตรการสลับฉีดที่หลากหลาย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ... เราไม่ได้มองแค่การสร้างภูมิคุ้มกันและประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าการสลับฉีดวัคซีนโควิด-19 สูตรนั้น ๆ มีความปลอดภัย