นายกฯ เป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานต้นแบบ ด้วยเทคโนโลยี Semi Solid แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน
19 ก.ค. 2564, 10:31
วันนี้ (19 ก.ค. 64) เวลา 10.00 น. าพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานต้นแบบแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในรูปแบบเสมือนจริง (ผ่านระบบ Video Conference) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ประเทศไทยจะพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมการพลังงานที่ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้นทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำ ซึ่งหลายประเทศได้ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือศูนย์ในปี ค.ศ. 2050 เช่นเดียวกับแผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดเป้าหมายสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนว่า รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันและปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อให้สอดรับกับทิศทางด้านพลังงานของประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของอาเซียน
ในครั้งนี้มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชา รองนายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการบริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ กรรมการอิสระและประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ด้วย
นายกรัฐมนต รียังกล่าวแสดงความยินดีสำหรับการเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่มีความทันสมัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย รักษาจุดยืนความเป็นผู้นำฐานการผลิตยานยนต์ในภูมิภาค และต่อยอดเปลี่ยนผ่านตัวเองเข้าสู่เทคโนโลยีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของอาเซียน และยังเชื่อมโยงสนับสนุนกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมไปถึงความร่วมมือกันของพันธมิตรทั้งไทยและต่างประเทศจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมด้านพลังงานของประเทศ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่น ๆ ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากลได้อย่างเป็นรูปธรรม และทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า รัฐบาลทำงานในวันนี้ เพื่อปัจจุบันและอนาคต และจะทำงานร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง แม้จะเจอสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยต้องต้องเดินหน้าไปสู่รายได้ที่เพียงพอ มีรายได้สูงด้วยนวัตกรรม มั่นใจว่า ประเทศไทยจะมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งต้องขอให้ทุกคนช่วยกันคิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและคนไทยในวันนี้และอนาคตด้วย