กลาโหม สั่งปรับสโมสร ตร.-ทหาร เป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วย-รพ.สนาม
22 ก.ค. 2564, 09:11
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกันของกระทรวงกลาโหม, กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ และตำรวจ ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ภาพรวมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคง ทหารและตำรวจ ในพื้นที่ชายแดนยังคงพบจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาจับกุมได้ 288 คน โดยพบชาวลาว และกัมพูชามากขึ้น สำหรับพื้นที่ชั้นในได้กระจายกำลังกันทำหน้าที่ช่วยเหลือและดูแลประชาชน ตามมาตรการควบคุมโรคตามข้อกำหนดของ ศบค.ในพื้นที่สีแดงเข้ม จากการตั้งจุดตรวจร่วมตามเส้นทางต่างๆ และชุดสายตรวจเคลื่อนที่ โดยเน้นการสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามข้อกำหนด พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและร่วมมือกันมากขึ้นในการหยุดเชื้อ โดยพบการเดินทางลดลงและมีการทำงานที่บ้านมากขึ้น ซึ่งสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนมาตรการต่างๆ ลดลงตามลำดับ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ประสานกับ สธ. พิจารณาปรับปรุงสโมสรทหาร และตำรวจ ในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด เป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วย หรือ โรงพยาบาลสนาม ตามความเหมาะสม เพื่อใช้เป็นสถานที่พักคอยและรักษาผู้ป่วย รองรับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ และให้กลาโหมประสานกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สนับสนุนจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ร่วมกับโรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย รองรับดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ต่างๆเสริมไปด้วยกัน
พร้อมกันนี้ หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้กองทัพ จัดกำลังทหารกระจายลงพื้นที่ จัดตั้ง “จุดรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน” ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด โดยให้ประสานทำงานร่วมกับ กทม. ฝ่ายปกครองและและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยและติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ทันทีภายใต้มาตรการที่สาธารณสุขกำหนด
พร้อมได้กำชับทุกเหล่าทัพ ให้เฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะชายแดนเมียนมา ที่สถานการณ์ของโรคระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น และขอให้ ตำรวจให้การดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองเข้มในสถานกักควบคุมโรคที่กำหนด ทั้ง 8 แห่งใน 6 จังหวัด พร้อมทั้ง ขอให้ดำรงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การบริจาคโลหิตให้กับผู้ป่วยเจ็บ ที่ยังอยู่ในสภาวะขาดแคลนเลือด ทั้งนี้ ขอให้เร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกับกำลังพลในพื้นที่ด่านหน้าเป็นลำดับแรก หากได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่ม