อัพเดต ! ผลตรวจโควิดเชิงรุก "แรงงานไทย-พม่า" โรงงานชื่อดัง อ.ท่ามะกา พบผู้ติดเชื้อโควิดรอบแรก 141 ราย
22 ก.ค. 2564, 13:55
วันที่ 22 ก.ค.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า จากกรณีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในพื้นที่ ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 101 ราย (เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 84 ราย นอกพื้นที่จังหวัด จำนวน 17 ราย)หายป่วย 31 ราย เสียชีวิต 0 ราย
ทำให้สถานการณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี พบผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.64 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 1,685 ราย (เป็นชาย 724 ราย หญิง 961 ราย) รักษาหายสะสม 766 ราย อยู่ระหว่างรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 900 ราย เสียชีวิสะสม 19 ราย
จากสถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อโควิดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 ที่ผ่านมา นายแพทย์นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์อิทธิพลจรัสโอฬาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะการักษ์ รวมทั้งสาธารณสุขอำเภอท่ามะกา
ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT)ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ทุกแห่ง ร่วมลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ในเชิงรุกให้กับกลุ่มแรงงานทั้งชาวไทยและเมียนมาของโรงงานรวมทั้งหอพักบริษัทไวต้าฟูดส์ ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ที่มีอยู่ประมาณ 3,000 คน โดยได้วางแผนตรวจคัดกรองวันละ 1,000 คน เริ่มตั้งแต่วันที่ 21-23 ก.ค.64 รวม 3 วัน
ล่าสุด นายแพทย์อิทธิพล จรัสโอฬาร ผอ.โรงพยาบาลมะการักษ์ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับแรงงานโรงงานไวต้าฟูดส์ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 โดยการใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid test)ซึ่งเป็นการเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจคัดกรองเบื้องต้นเพื่อหาเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกัน ได้จำนวน 400 ราย
ผลปรากฎพบเป็นบวก จำนวน 141 ราย จากนั้นได้ตรวจด้วยวิธี Real Time Polymerase Chain Reaction (RT-PCR) อีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันผล ซึ่งผลยืนยันออกมาแล้วปรากฏว่า แรงงานทั้ง 141 คนนั้น พบติดเชื้อโควิด-19 ทุกราย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวไปรับรักษาที่โรงพยาบาลสนาม อาคารหอพักโรงพยาบาลมะการักษ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับคนงานในโรงงานดังกล่าวเหลืออีกกว่า 2,000 ราย คาดว่าผลการตรวจยืนยันการติดเชื้อจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ ไม่มีอาการ
ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่อยู่โดยรอบอย่าได้ตื่นตระหนกจนเกินไป และขอให้ปฏิบัติตนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น เมื่อยามออกนอกเคหสถานก็ให้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ในยามพูดคุยกันก็ให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร
ส่วนเวลากินข้าวก็ให้ใช้ซ้อนกลาง รวมทั้งหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์บ่อยๆ และที่สำคัญหากไม่มีความจำเป็นที่จะออกไปไหน ก็ขอให้อยู่เฉพาะภายในบ้าน ทุกคนจะต้องพร้อมใจกัน อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ อย่างพร้อมเพรียง หากทำได้เชื่อว่า จะลดการติดเชื้อโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี