สธ.จัดระบบรับ-ส่งผู้ป่วยโควิด กลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย
24 ก.ค. 2564, 16:50
วันนี้ (24 กรกฎาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และเรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) แถลงข่าวการจัดบริการรับส่งผู้ป่วยโควิด 19 กลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย
นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้มีผู้ลงทะเบียนขอเดินทางกลับภูมิลำเนาผ่านระบบ ศบค.ในเดือนกรกฎาคม 504,241 คน (ข้อมูลวันที่ 19 - 22 กรกฎาคม) ซึ่งในจำนวนนี้อาจมีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับไปด้วย ขณะที่การระบาดระลอกใหม่มีรายงานผู้ติดเชื้อจากกทม.และปริมณฑลเดินทางกลับต่างจังหวัดแล้ว 31,175 คน ส่วนใหญ่เป็นอาการสีเขียว ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงต้องการให้ผู้ติดเชื้อโควิดที่จะเดินทางกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนามีความปลอดภัย ไม่แพร่กระจายเชื้อระหว่างการเดินทาง จึงมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ สปสช. สพฉ. กระทรวงคมนาคม และกระทรวงกลาโหม จัดระบบการดูแลรับส่งผู้ติดเชื้อโควิดกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย
โดยผู้ติดเชื้อที่ประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ให้ติดต่อสายด่วน สปสช.หรือผ่านระบบออนไลน์เพื่อรวบรวมข้อมูลให้กระทรวงสาธารณสุขประสานโรงพยาบาลจังหวัดปลายทางเตรียมความพร้อมรองรับ รวมทั้งประสานกับ สพฉ.เตรียมยานพาหนะประเภทต่างๆ นำส่งภูมิลำเนาด้วยความปลอดภัย คาดว่าใช้เวลาประสานไม่เกิน 3 วันสามารถเดินทางได้ โดยดูแลทั้งเรื่องอาหาร น้ำดื่ม และสุขภาพตลอดการเดินทาง ทั้งนี้ระหว่างการรอผู้ติดเชื้อต้องดูแลป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นและหากมีอาการรุนแรงขึ้นให้ประสานสายด่วน 1330 และ 1668 ส่วนผู้ที่ไม่ติดเชื้อและต้องการกลับภูมิลำเนา เมื่อเดินทางไปแล้วขอให้รายงานตัวกับทางจังหวัด
ด้านทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่ต้องการกลับภูมิลำเนาสามารถติดต่อได้ทางสายด่วน สปสช. 1330 กด 15 ซึ่งกำลังเพิ่มเป็น 2,100 คู่สาย หรือติดต่อทางเว็บไซต์ https://crmdci.nhso.go.th/ หรือการสแกนคิวอาร์โคด ซึ่งแสดงผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ โดย สปสช.จะส่งให้กระทรวงสาธารณสุขทุกวันในช่วงเวลา 08.00 น.
ด้านเรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาต้องอยู่ในเกณฑ์อาการสีเขียว หากอาการรุนแรงจะส่งรถฉุกเฉินรับไปส่งโรงพยาบาลที่เหมาะสมแทน สำหรับพาหนะในการส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม จัดเตรียมรถไฟ รถบขส. และรถตู้ไว้บริการ ประสานกรมการขนส่งทหารบก กรมแพทย์ทหารบก จัดรถขนาดใหญ่หรือเครื่องบิน โดยผู้ที่จะเดินทางกลับโดยเครื่องบินต้องผ่านการประเมินสุขภาพว่าพร้อมสำหรับการเดินทาง (Fit to Fly) นอกจากนี้ มีการจัดบุคลากรทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ดูแลตลอดการเดินทาง โดยรถบัส รถทัวร์ จะมีรถพยาบาลฉุกเฉินตามไปด้วย ส่วนรถไฟและเครื่องบินจะมีบุคลากรทางการแพทย์ติดตามเพื่อดูแลหากมีเหตุฉุกเฉิน
“สพฉ.จะจัดยานพาหนะไว้ 3 ช่วง คือ ช่วงแรกเป็นการไปรับส่งผู้ป่วยจากบ้านมายังสถานีรถไฟ บขส. หรือเครื่องบิน เนื่องจาก กทม.มีการใช้รถรับส่งผู้ป่วยจำนวนมาก ช่วงที่สองคือยานพาหนะที่รับส่งระยะยาว คือ รถบัส รถไฟ เครื่องบิน เป็นต้น และช่วงที่สาม คือ การรับส่งที่จังหวัดปลายทาง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือโรงพยาบาลจะจัดรถมารับ ทั้งนี้ อยากให้ผู้ติดเชื้อที่ต้องการเดินทางกลับใช้ระบบบริการที่รัฐจัดให้ เนื่องจากมีความปลอดภัยและไม่มีค่าใช้จ่าย” เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ กล่าว