กรมอนามัย เผยคนไทยสวมหน้ากากในบ้านน้อย วอนสวมเพื่อลดการแพร่เชื้อในครอบครัว
30 ก.ค. 2564, 15:20
วันนี้ ( 30 ก.ค.64 ) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นวงกว้าง ทำให้มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมมาตรการสวมหน้ากากเพื่อป้องกันโควิด-19 จะเน้นปฏิบัติเมื่อออกจากบ้านหรือเดินทางไปยังที่สาธารณะที่มีผู้คนหนาแน่น แต่ปัจจุบันกลับพบผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสสมาชิกในครอบครัว ผู้ใกล้ชิดเพิ่มขึ้น ประกอบกับพื้นที่การแพร่ระบาดได้มีการขยายเพิ่มเช่นเดียวกัน ทั้งในเขต กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัด
การสวมหน้ากากในบ้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญจำเป็น สำหรับทุกครอบครัวในช่วงเวลานี้ ซึ่งจากผลการสำรวจ Anamai Event Poll โดยกรมอนามัย ประเด็น พฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ในบ้าน วันที่ 19 – 28 กรกฎาคม 2564 จากลุ่มตัวอย่าง 1,324 คน พบมีประชาชาที่สวมหน้ากากตลอดเวลาในบ้าน เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น แต่พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในบ้าน เมื่อพูดคุยกันในบ้านมากที่สุด ร้อยละ 84.9 รองลงมาคือ สวมตลอดเวลา ยกเว้นตอนกินอาหาร อาบน้ำ ดื่มน้ำ ร้อยละ 81.9 และสวมเมื่อทำกิจกรรมร่วมกันในบ้าน เช่น ดูทีวี ร้อยละ 38.6 ในขณะที่ประชาชนเห็นว่าไม่สามารถสวมหน้ากากได้เมื่อนอนห้องเดียวกัน ร้อยละ 30.1
ขอความร่วมมือให้ทุกคนในครอบครัวสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในบ้านเพิ่มมากขึ้น และสวมให้ถูกวิธี โดยให้ปิดจมูก ปาก คาง และกระชับกับใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสวมหน้ากากเมื่อทำกิจกรรมใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัว เช่น ดูทีวีร่วมกัน พูดคุยกัน เมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศร่วมกัน และต้องสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยติดเตียงในบ้าน ร่วมกับพฤติกรรมการป้องกันโรคอื่นๆ ทั้งเว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกัน แยกการใช้อุปกรณ์ส่วนตัว ลดการออกไปสถานที่เสี่ยงนอกบ้าน หมั่นล้างมือเป็นประจำ ทำความสะอาดอุปกรณ์และบริเวณที่จับร่วมกันบ่อยๆ เช่น ตู้เย็น ลูกบิดประตู ราวบันได โต๊ะอาหาร และให้งดการกินอาหารร่วมกันไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ในครอบครัว