วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี และประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลพบุรี ผู้กํากับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดลพบุรี ได้ออกคําสั่งจังหวัดลพบุรี ที่ ๒๕๔๔ /๒๕๖๔ เรื่อง ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคเป็นการชั่วคราว โดยระบุว่า

ด้วย สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายในจังหวัดลพบุรี ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พบจํานวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจํานวนมากอย่างต่อเนื่อง และผู้ติดเชื้อได้กระจายตัว ออกไปในชุมชนหลายพื้นที่ จากการติดตามและสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุข พบว่า มีการแพร่ระบาดในลักษณะการติดเชื้อเป็นแบบกลุ่มก้อน (Cluster) เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการจําหน่ายเครื่องมือช่างและ อุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดลพบุรี โดยมีการแพร่กระจายโรคไปทั่วทุกบริเวณของ สถานประกอบกิจการ อีกทั้งยังมีการแพร่กระจายโรคออกไปยังผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัวและชุมชนอีกหลายราย ด้วยเหตุนี้ คณะทํางานด้านการควบคุมโรคและด้านการบังคับใช้กฎหมาย จังหวัดลพบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กลุ่มงานควบคุมโรค สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ได้ประชุมและพิจารณาแล้วเห็นว่า สถานประกอบ กิจการดังกล่าวเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคในลักษณะแบบกลุ่มก้อน (Cluster) และเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่ อาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดและมีผู้ติดเชื้อในจังหวัดลพบุรีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก กิจการดังกล่าวจะมี ประชาชนเข้ามาใช้บริการเป็นจํานวนมากในแต่ละวัน ดังนั้น เพื่อให้การยับยั้งและการควบคุมโรคเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ และเป็นไปตามกรอบแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (ศบค.) กําหนด

อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ และข้อ ๗ (๑) ของข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ) ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ และข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๔ (ฉบับที่ ๑๕) และข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่ง พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘ (ฉบับที่ ๑๖) และข้อกําหนดออกตาม ความในมาตรา ๙ แห่ง พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๐) ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ในฐานะผู้กํากับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดลพบุรี โดยความเห็นชอบ ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลพบุรี ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๓๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ จึงมีคําสั่งดังต่อไป

ข้อ ๑ ให้ปิดสถานประกอบการ “บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จํากัด (มหาชน) สาขาลพบุรี” เลขที่ตั้ง ๔๑/๓ หมู่ที่ ๑ ตําบลนิคมสร้างตนเอง อําเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เป็นการชั่วคราว

ข้อ ๒ ให้สถานประกอบกิจการที่อยู่ในคําบังคับตามข้อ ๑ ดําเนินการเสนอแผนปฏิบัติงาน และกําหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคในสถานประกอบกิจการ ดังนี้

๑) ข้อมูลทั่วไปของสถานประกอบกิจการ เช่น การผลิตสินค้า รายชื่อและจํานวน พนักงาน รวมถึงแรงงานต่างด้าว เป็นต้น

๒) มาตรการการนําผู้ป่วยเข้ารับการรักษา

๓) มาตรการนําผู้เสี่ยงสูงเข้ารับการกักกันตัว

๔) มาตรการดูแลพนักงานและค่าตอบแทนหรือสวัสดิการใดๆ แก่พนักงานกรณี ปิดบริษัทและเปิดบริษัทเพียงบางส่วน

๕) มาตรการในการควบคุมพนักงานที่ยังไม่ได้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะพนักงานต่างด้าว ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

๖) มาตรการคัดกรองพนักงานเข้าทํางาน แผนปฏิบัติงานที่จะเปิดกิจการ

๗) ขอความร่วมมือในการพิจารณากําหนดมาตรการการจัดหาสถานที่กักตัวในชุมชน (Community Isolation หรือ CI) หรือ การจัดตั้งสถานที่กักกันโรครูปแบบเฉพาะองค์กร (Organization Quarantine หรือ 0Q) รวมถึงมาตรการกําจัดขยะติดเชื้อในสถานที่ดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ ให้สถานประกอบการดังกล่าว ดําเนินการยื่นแผนปฏิบัติงานและมาตรการป้องกันโรค ต่อคณะทํางานด้านควบคุมโรคและด้านการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อเสนอคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดลพบุรีพิจารณาก่อนเปิดดําเนินการ

อนึ่ง ด้วยเหตุที่เป็นกรณีมีความจําเป็นรีบด่วน เพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชน และประโยชน์สาธารณะ หากปล่อยเนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อส่วนรวม จึงไม่อาจให้ คู่กรณีใช้สิทธิ์โต้แย้งตามนัยมาตรา ๓๐ วรรคสอง (๑) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๕

หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามนัยมาตรา ๕๒ แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ และอาจเป็นความผิดตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๔ กรณีฝ่าฝืนข้อกําหนด ประกาศ หรือ คําสั่งที่ออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ต้องระวางโทษจําคุก ไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น