เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



บช.น.แถลงสรุปภาพรวมม็อบ 7 ส.ค.รวบ 12 ราย - ตร.เจ็บสาหัส 1 ราย


7 ส.ค. 2564, 21:34



บช.น.แถลงสรุปภาพรวมม็อบ 7 ส.ค.รวบ 12 ราย - ตร.เจ็บสาหัส 1 ราย




วันที่ 7 สิงหาคม 2564 เวลา 20.30 น. พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. ร่วมกันแถลงสรุปภาพรวมการชุมนุมวันนี้

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า เนื่องจากชุมนุมครั้งนี้ ผู้ชุมนุมมีการประกาศเชิญชวนว่าจะเคลื่อนที่ไปยังสถานที่สำคัญของชาติ ประการที่สอง ผู้ชุมนุมมีการเผาทำลาย ทำให้เสียหายซึ่งสถานที่และทรัพย์สินของทางราชการ ประการที่สาม ผู้ชุมนุมมีการเตรียมการใช้อาวุธหรือสิ่งเทียมอาวุธในการทำอันตรายกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ประการที่สี่ ภายหลังการประกาศยุติการชุมนุม ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน เคลื่อนที่พากันไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และประการที่ห้า ขณะนี้การชุมนุมยังเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่น ๆ อีกหลายส่วน



พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ได้มีการประกาศเชิญชวนของกลุ่มเยาวชนปลดแอก มีการเชิญชวนให้มีการชุมนุมรวมตัวหรือมั่วสุมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 11.00 น. ของวันนี้ เมื่อมีการรวมตัวกันเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ได้มีการประกาศให้ยุติการกระทำดังกล่าว เนื่องจากกรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จึงมีประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมให้ยุติและเลิกการชุมนุมดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมกลับไม่เชื่อฟังและได้มีการประกาศเชิญชวนให้ไปชุมนุมกันต่อที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลและบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระหว่างทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้า ตลอดจนกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินทางมาที่แยกนางเลิ้ง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพิษณุโลก จากนั้นได้มีการพยายามรื้อสิ่งกีดขวางของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บริเวณเชิง
สะพานชมัยมรุเชฐ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่สามารถฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังสถานที่สำคัญของกรุงเทพมหานครได้

หลังจากนั้นจึงได้มีการประกาศเชิญชวนให้ไปรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการประกาศเชิญชวนให้ไปบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อจะไปชุมนุมหน้ากรมทหารมหาดเล็กที่ 1 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งแนวรั้งหน่วงไว้บริเวณทางแยกสามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มผู้ชุมนุมได้พยายามที่จะรื้อสิ่งกีดขวาง ไม่ว่าจะเป็นลวดหนาม ตู้คอนเทนเนอร์ รวมทั้งมีการใช้หัวน็อต ลูกแก้ว ลูกหิน และสิ่งต่าง ๆ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้พลุเพลิง พลุไฟ ประทัดยักษ์ รวมทั้งระเบิดปิงปอง ขว้างใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งเวลาประมาณ 18.00 น. เศษ ได้มีการประกาศยุติการชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนก็ยังปฏิบัติการชุมนุมอยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง

สำหรับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ทำการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาจำนวน 2 กลุ่ม ผู้ต้องหากลุ่มแรก จำนวน 2 คน พร้อมของกลางคีมตัดลวด วิทยุสื่อสาร เกราะอ่อน หน้ากากกันแก๊ส หมวกนิรภัย ภายในห้องพักและภายในรถยนต์บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่งในถนนข้าวสาร ได้นำตัวมาดำเนินคดีในข้อหาอั้งยี่และซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 และ 210 และผู้ต้องหากลุ่มที่สอง ได้ทำการตรวจค้นพบพลุไฟ จำนวน 5 อัน หนังสติ๊กจำนวนหนึ่ง หัวน็อต ลูกแก้ว เกราะอ่อน หน้ากากกันแก๊ส วิทยุสื่อสาร ภายในรถยนต์จำนวน 2 คัน ผู้ต้องหาจำนวน 6 คน บริเวณลานจอดรถภายในวัดแห่งหนึ่ง ได้ผู้ต้องหาจำนวน 6 คน ซึ่งในเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาอั้งยี่และซ่องโจร ตามมาตรา 209 และ 210 ประมวลกฎหมายอาญา สำหรับของกลางที่เป็นพลุเพลิง ได้ทำการส่งตรวจ หากปรากฏว่าเป็นวัตถุระเบิด ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิด จะมีการตั้งข้อหาตามความผิดอีกส่วนหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ในช่วงบ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมรถเครื่องเสียง จำนวน 2 คัน และผู้ต้องหาอื่น ๆ ที่ได้มีการกระทำผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดำเนินคดีอีก จำนวนทั้งสิ้น 4 คน รวมการจับกุมในวันนี้รวมทั้งสิ้น 12 คน และจากการชุมนุมในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกกลุ่มผู้ชุมนุมทำร้ายร่างกายโดยใช้หนังสติ๊กพร้อมหัวน็อตยิงมาบริเวณร่างกาย ขณะนี้ได้รับบาดเจ็บหัวน็อตฝังอยู่ในลำคอ ได้รับอันตรายสาหัส อยู่ระหว่างทำการผ่าตัดในโรงพยาบาลตำรวจ นอกจากนี้ได้มีการเผาและทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ได้แก่ รถควบคุมผู้ต้องหา ตลอดจนมีการทุบทำลายทรัพย์สินของทางราชการอื่น ๆ รวมทั้งตู้ยามบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีกส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งในกรณีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะทำการตรวจสอบและสำรวจความเสียหายก่อนจะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตามกฎหมายต่อไป


 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.