"ดีเจเล็ก" เพื่อนผู้ว่าฯปู ใจหายหลังประกาศลาออกแต่ก็ขอให้กำลังใจสู้ต่อไป
16 ส.ค. 2564, 14:14
วันที่ 16 ส.ค. 64 หลังจากที่นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โพสต์ในเฟซบุ๊ก Sakravee Srisangdharma มีข้อความว่า ยามดีใช้ ยามไข้รักษา มีคนถามผมมาเยอะว่า ไม่ย้ายกับเขาเหรอ ไม่เห็นมีชื่อในคำสั่ง หรือว่าผมเกษียณปีนี้ อยากย้ายเช่นกันครับ เหตุผลของผมคือ สุขภาพผมไม่แข็งแรง ออกพื้นที่ได้ไม่มาก ไปมาไม่สะดวก หลายคนเป็นห่วง ออกจากศิริราชแล้ว ร่างกายไม่เหมือนเดิมเลย โควิดทิ้งร่องรอยไว้เยอะมาก เหนื่อย ไอ จาม มีน้ำมูก หอบง่าย ล่าสุดมีอาการเกร็งด้านขวา ค่อนข้างมาก คุณหมอบอกว่าผมเครียดหนัก พักผ่อนน้อย ต้องถนอมชีวิตมากกว่านี้ ขณะที่งานในสมุทรสาครไม่เครียดคงไม่ได้ กระทรวงบอกว่าผมทำงานมากเกินไป จะย้ายให้ไปอยู่จังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น ผมเป็นห่วงชาวบ้าน ก่อนถึงฤดูโยกย้าย ขอผมเป็นพนักพิงให้ชาวบ้านอุ่นใจก่อนว่า เรายังไม่หนีไปไหน พร้อมเผชิญเรื่องร้าย ๆ ไปด้วยกัน ผมเกษียณปีหน้าครับ บอกคนใหญ่ในกระทรวง ถึงเหตุผลการย้าย มาจากสุขภาพร่างกายล้วนๆ คำตอบที่ได้ตอนคำสั่งล่าสุด คือ ถึงผมอยากไปสุพรรณบุรี แต่นักการเมืองเขาไม่ยอมรับ(ซึ่งผมไม่รู้ว่าหมายถึงใคร) ผมไปไม่ได้แน่ ส่วนอ่างทอง เป็นจังหวัดเล็กเกินไป ย้ายจากสมุทรสาคร ไปจังหวัดเล็กกว่าคงไม่เหมาะ อือม์…อยู่ศรีสะเกษ 22 อำเภอ สมุทรสาคร 3 อำเภอ ผมเข้าใจอะไรผิดเรื่องเล็กใหญ่แน่เลย
ไปจังหวัดอื่นก็ลำบาก อยู่สมุทรสาครต่อก็คงไม่ดี คนอยู่ที่นี่ควรจะแข็งแรงกว่าผม ทำงานได้คล่องแคล่วกว่าผม ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพเหมือนผม ผมคิดสะระตะในใจว่า ผู้ว่าสุพรรณฯ เป็นกัลยาณมิตรที่ดีของผม ส่วนผู้ว่าอ่างทอง เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานที่ดีของผมเช่นกัน ผมคงไม่มีเหตุผลใดจะไปไล่ที่เขา ผมเคยฝันว่า จะสามารถอยู่รับราชการได้จนถึงเกษียณอายุ เพราะคือจุดหมายปลายทาง ที่ข้าราชการทุกคนปรารถนา แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นได้แค่ในฝัน สาเหตุหลักมาจากการทุ่มเทให้กับงานมากไป นึกถึงคำของผู้ใหญ่ที่บอกว่า จะหาจังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาให้ คำสั่งที่เห็นจึงไม่มีชื่อผมด้วย หลงคิดมานานว่า การจัดคนลงตำแหน่ง เป็นเรื่องของกระทรวงเป็นหลัก หรือว่าผมไม่มีสีของสิงห์ใดๆ นอกจากสีกากีของเครื่องแบบ สีที่ผมพยายามใช้ เดินตามรอยพระบาทในหลวง ร.9 มาตลอดชีวิตการทำงาน นึกถึงคำของคุณหมอที่บอกหลังเห็นคำสั่งว่า ผมควรใช้ชีวิตก่อนเกษียณที่สงบกว่านี้ ลาออกเถอะ บ้านเมืองย่อมมีคนมาทำงานได้ อย่าไปห่วงจนเกินตัว นึกถึงคำของลูกสาวที่ปลอบพ่อว่า พ่อต้องดูสุขภาพและความรู้สึกพ่อเป็นหลัก พ่ออยู่ในราชการอีกแค่ปีเดียว แต่อยู่ในชีวิตหลังเกษียณอีกหลายปี พ่อทำงานหนักมาตลอดชีวิตปีสุดท้ายของพ่อ น่าจะเลือกให้เหมาะกับสุขภาพพ่อเป็นสำคัญ มาถึงตรงนี้ คนที่สนิทกัน คงรู้แล้วว่าผมเลือกจะทำยังไง จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำโบราณที่ว่า “ ยามดีใช้ ยามไข้(ไม่)รักษา ”
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบ ที่บริเวณบ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง หรือบ้านสวนริมน้ำ ซึ่งเป็นบ้านพักของ นาย วีระศักดิ์ หรือผู้ว่าปู พบว่าบ้านพักถูกปิดเงียบ โดยมีคนดูแลเดินมาบอกว่าท่านผู้ว่าปู ได้เดินทางกลับไปที่จังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วไม่ทราบเรื่องที่ท่านผู้ว่าจะยื่นหนังสือลาออก ส่วนทางด้าน นาย สมศักดิ์ ธีระนิธิ อายุ 59 ปี หรือดีเจเล็ก อยู่บ้านเลขที่ 9/12 หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เพื่อนสมัยเรียนที่อาศัยอยู่ในตลาดศาลเจ้าโรงทอง เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวว่าผู้ว่าปูประกาศลาออก ตนเองรู้สึกเสียดายเพราะท่านผู้ว่าปูเป็นคนทำงาน ทุ่มเททำงานเพื่อพี่น้องประชาชนมาตลอด ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนจริง ๆ ในฐานะเพื่อนในวัยเรียนที่เคยอาศัยอยู่บ้านใกล้กัน รู้สึกเป็นห่วงและอยากให้กำลังใจให้ท่านผู้ว่าปูสู้เพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ย้ายตามที่หวังไว้ก็ตาม ตนเองได้แต่ส่งข้อความทางไลน์เป็นกำลังใจให้กับท่านผู้ว่าปูทุกวัน ซึ่งในวันนี้ได้โทรหาท่านผู้ว่าปูเพื่อที่จะให้กำลังใจ แต่ท่านผู้ว่าปิดเครื่องซึ่งอาจจะติดภารกิจที่สำคัญ โดยส่วนตัวทราบว่าท่านผู้ว่าปู หลังจากติดเชื้อไวรัส โควิด 19 แล้วทำการรักษาโดยคณะแพทย์จนอาการดีขึ้นก็ตาม แต่สภาพร่างกายก็ยังไม่หายเป็นปกติ และก่อนที่จะเกษียณจากชีวิตราชการเพียง 1 ปี อยากจะย้ายมาทำงานอยู่ในจังหวัดใกล้บ้าน ตนเองก็เพียงส่งกำลังใจให้ท่านผู้ว่าปูสู้ต่อไป