โควิดพรากชีวิต ! "แม่วัย 37 ปี" หลังคลอดลูกได้เพียง 21 วัน หลังเข้ารับการรักษาโควิด อาการสุดยื้อจนเสียชีวิต
17 ส.ค. 2564, 15:30
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง พร้อมด้วย นางมุกดา ยังอภัย ณ สงขลา นายกกิ่งกาชาดอำเภอเบตง จนท.ปค.ประจำตำบล จนท.สาธารณสุขอำเภอเบตง จนท.รพ.สต.บ้านยะรม จนท.อบต.ยะรม ลงพื้นที่บ้านนายวิทยา ตาพ่วงหลัง ภายหลังภรรยาได้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เบตงและได้เสียชีวิตเพิ่มเป็นรายที่ 6 ของ อ.เบตง จ.ยะลาแล้ว คือ นางอาตีเกาะห์ ตาพ่วงอายุ 37 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่8 บ้านบูเก็ตดาราเซ ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา โดยผู้ตายยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันโควิด
โดยนายวิทยา ตาพ่วง สามีวัย 42 ปี ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ไปสแกนซื้อของที่ร้านในหมู่บ้านเมื่อวันที่ 17 – 18 ก.ค.ที่ผ่านมาหลังจากไปซื้อของกลับมาที่บ้านก็นั่งคุยกันตามปกติ หลังจากนั้นประมาณวันที่ 19-20 ก.ค. 64 ภรรยาก็เริ่มมีอาการเพลีย เมื่อย ไม่มีแรง
ต่อมาวันที่ 21 ก.ค.ภรรยามีไข้พร้อมลูกสาวคนเล็กวัย 21 วัน และคนกลางวัย 3 ขวบ มีไข้โดยภรรยาก็เช็ดตัวอยู่ตลอด โดยภรรยาเป็นคนเช็ดด้วยตัวเองและลูกสาว ประมาณ 3 วันลูกสาวก็หาย แต่ภรรยาไม่หายไข้ ต่อมาอีก 2 วันลูกชายวัย 5 ขวบ ก็มาป่วยอีก ก็ได้เช็ดตัวประมาณ 3 วัน ก็หายเหมือนกัน ส่วนลูกสาว 2 ขวบ และลูกชายวัย5 ขวบ คนเล็กที่พึ่งคลอดได้ 21 วันไม่ได้ติดเชื้อ (ภายหลังจากภรรยาเสียชีวิตแล้ว) แต่ภรรยายังไม่หาย โดยลูกทั้ง 2 คนที่มีไข้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเบตงประมาณ 10 วันก็หายก็ได้มากักตัวอยู่ที่บ้านต่อจนครบ 14 วัน ก็ไม่มีอาการอะไร แต่ทางภรรยามีไข้ไม่ลดเลย ตั้งแต่ทำการ SWAB หาเขื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมาก็ยังมีไข้สูงอยู่คิดว่าน่าจะเกิน 38 องศา
ต่อมาเย็นวันที่ 25 ก.ค. 64 รถฉุกเฉิน โรงพยาบาลเบตง ก็มารับที่บ้านก็รีบขึ้นรถกันฉุกละหุก เนื่องจากว่าเมื่อทางโรงพยาบาลเบตง รับแจ้งก็ได้มารับภรรยาทันทีที่บ้าน ต่อมาเช้าวันที่ 26 ก.ค.หมอก็ได้ผ่าเอาเด็กออก หลังจากทำการผ่าคลอดเสร็จก็ได้ออกมาอยู่ห้องปกติประมาณ 2 วัน โดยได้วีดีโอคอลอยู่กับภรรยา แกก็บอกว่าอาการดีขึ้น แผลที่ผ่าคลอดก็แห้งดี ต่อมาวันที่ 3 ที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลเบตง ภรรยาก็เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อย ต่อมาหมอให้กลับเข้าไปรักษาในห้อง ICU อีกรอบหนึ่ง ตอนที่เข้าไปอยู่ในห้อง ICU ก็ได้วีดีโอคอล กันอยู่ 2 วัน จนมาวันที่ 3 ในการรักษาผลเอกซเรย์ ออกมาหมอบอกว่า ภรรยาไม่สามารถหายใจได้สะดวกถ้าไม่มีเครื่องช่วยหายใจ หมอจำเป็นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและให้ยานอนหลับตลอด เพราะหากหายใจเองเขาจะเหนื่อยและจะต้านเครื่องช่วยหายใจ โดยที่หมอได้แจ้งอาการของภรรยามาตลอด
จนมาวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 16.20 น.พยาบาลก็เอาโทรศัพท์มาตั้งบนหมอนที่ภรรยาหนุนอยู่โดยได้แนบโทรศัพท์ไว้ข้างหูและผม ได้บอกภรรยาว่าไม่ต้องเป็นห่วงลูก โดยที่พูดไปไม่มีเสียงตอบกลับจากภรรยา ซึ่งพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยก็ได้บอกว่าหัวใจเธอจะหยุดเต้นแล้ว โดยพยาบาลคอยบอกการเต้นของหัวใจเริ่มตั้งแต่ 30 – 20 – 10 จนภรรยาสิ้นใจโดยสงบ
โดยขณะนี้เด็กมีอาการปลอดภัยไม่พบเชื้อ แต่แม่เด็กแพทย์พบว่าเชื้อไวรัสลามไปถึงปอดแล้ว ทำให้อาการทรุดหนักและเสียชีวิตในที่สุดและได้การฝังศพที่กุโบร์บ้านยะรมเมื่อค่ำวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยที่ยังไม่มีโอกาสได้เชยชมลูกเลย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมุสลิมเบตงได้นำร่างไปทำการฝังที่กุโบร์บ้านยะรมเมื่อ 18.30 น. ของวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางความโศกเศร้า