สสจ. สั่งตั้งกรรมการสอบวินัย พ.ญ. หลังพาครอบครัวฉีดไฟเซอร์
17 ส.ค. 2564, 16:03
(16 ส.ค.) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า จากกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์แพทย์สาวจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช พาครอบครัวเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดยผู้ที่อยู่ในวงการสาธารณสุขหลายคนพยายามสื่อสารกับสังคมเพื่อฟ้องถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดเชิงลึก เนื่องจากเกรงว่าอาจได้รับผลกระทบหรืออาจถูกฟ้องร้อง ซึ่งเมื่อสืบสวนค้นหาข้อมูลพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2564 โดยมีแพทย์หญิงระดับปฏิบัติการของโรงพยาบาลนบพิตำ ได้นำครอบครัวมารับวัคซีนไฟเซอร์ในเวลาช่วงบ่ายของวันดังกล่าว
ข้อมูลจากการสืบสวนผ่านผู้เกี่ยวข้องระบุว่า ในวันนั้นได้เบิกจ่ายวัคซีนจำนวน 11 ขวด ผู้ที่จะได้รับวัคซีนเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่อำเภอที่เกิดเหตุ จำนวน 66 คน มารอรับ โดยวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด จะฉีดให้บุคลากรได้ 6 คน แต่มีเทคนิคคือแต่ละขวดหากใช้วิธีการ Low Dead Space Syringe จะดึงวัคซีนฉีดได้ถึง 7 คน ซึ่งโดยปกติแต่ละขวดนั้นจะฉีดเฉพาะ 6 คน หรือ 6 โดสเท่านั้น ที่เหลือจะได้รับคำสั่งให้ทิ้ง โดยประเด็นนี้ได้มีการเตรียมการล่วงหน้า โดยผู้ที่มารับวัคซีนซึ่งเป็นครอบครัวของแพทย์หญิงคนดังกล่าวนั้นได้รับวัคซีนจากส่วนที่เหลือ 1 คน คือพี่สาว
ส่วนแม่นั้นเจ้าหน้าที่ดูดวัคซีนจากขวดได้แค่ 6 โดส ได้ใช้ในส่วนนี้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าคนที่เข้ามาฉีดนั้นไม่มีใบเซ็นยินยอมรับวัคซีนและไม่มีสติกเกอร์ Lot Vaccine ไม่มีการส่งเอกสารเข้าระบบ MOPH IC แต่ตรวจสอบได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้รับวัคซีนในขวดที่ 2 ใน Lot : 30125BA Exp.30/11/2564 แต่ไม่ทราบลำดับโดส เพราะไม่มีสติกเกอร์ติดให้ ในขณะที่เหตุการณ์เกิดขึ้นมีแพทย์หญิงคนดังกล่าวกำกับอยู่ตลอด ที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้สร้างความอึดอัดให้แก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้รายงานให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทราบโดยทันทีแล้ว หลังจากที่ถูกกล่าวถึงในแวดวงเจ้าหน้าที่มากขึ้น แพทย์หญิงคนดังกล่าวได้แสดงความจำนงค์ที่จะยื่นขอลาออกจากตำแหน่งแพทย์ปฏิบัติการของโรงพยาบาลนบพิตำแล้ว ในขณะที่เรื่องการลาออกนั้นในขณะนี้ยังไม่ปรากฏเอกสารอย่างเป็นทางการ
ในส่วนของ นพ.จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กล่าวว่า ทุกครั้งในการประชุมและการแถลงข้อมูลกับผู้สื่อข่าวนับตั้งแต่ก่อนการรับวัคซีนมาจากส่วนกลางว่า การรับวัคซีนไฟเซอร์จะต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์คือต้องเป็นแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเท่านั้น หากผิดไปจากนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกสังคมลงโทษและต้องดำเนินการทางวินัย ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลดังกล่าวนั้นขณะนี้ได้ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามขั้นตอนของทางราชการแล้ว ส่วนการที่แพทย์หญิงคนดังกล่าวจะลาออกนั้นขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสาร และจะแถลงข่าวในกรณีนี้อีกครั้งในเวลา 15.00 น. วันนี้