กรณีโลกโซเชี่ยล ได้มีการแชร์ภาพวงจรปิดใน รพ.นบพิตำ อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ที่มี กลุ่ม  VIP สังกัดสาธารณสุข นำครอบครัวเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ จนมีคนเข้ามาโพสต์โจมตีกันเป็นจำนวนมาก จากนั้นในกลุ่ม สาธารณสุข ก็มีการโพสต์โจมตีกันเองเป็นจำนวนมาก เนื่องจากภาพที่มีการแชร์ให้เห็น เป็นภาพเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ในพื้นที่อำเภอดังกล่าวแต่มีการนำครอบครัวบางคนของแพทย์หญิงคนหนึ่งเข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ด้วย ทำให้แพทย์หญิงคนดังกล่าวเกิดความน้อยใจได้ยื่นใบลาออกจากแพทย์ประจำ รพ.ดังกล่าวแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อ16สค. ที่ สนง.สสจ.นครศรีธรรมราช นพ.จรัสพงษ์   สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช และนพ.กฤษณ์   เพชรสำรวล ผอ.รพ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดย นพ.กฤษณ์  ได้แถลงขอโทษต่อชาวนครศรีธรรมราชต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยปกติหมอที่ทำงานกับผม จะให้ดูแลรักษาผู้ป่วยทุกคนอย่างดีที่สุด แต่เนื่องจากความกตัญญูต่อบุพการีทำให้มีการตัดสินใจผิดพลาดไป ซึ่งวัคซีนไฟเซอร์ที่ นพ.สาธารณสุขให้กับครอบครัวของแพทย์หญิง เป็นโด๊สที่ 7ซึ่งปกติมีเพียง6โด๊ส  ทำให้แพทย์หญิงคนดังกล่าวตัดสินใจขอโด๊สที่เหลือกับญาติของตนเองที่ไม่ใช่บุคคลากรด่านหน้า ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดต้องขอโทษสังคมด้วย แต่ยืนยันที่จะใช้วัคซีนไฟเซอร์ฉีดให้ให้บุคคลากรด่านหน้าตามมาตรการนโยบายของสสจ.เหมือนเดิม ก็คิดว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก ขอโทษสังคมด้วย

ด้าน นพ.จรัสพงษ์   สุขกรี นายแพทย์ สสจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ทราบแต่เพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีแพทย์หญิงจากโรงพยาบาลดังกล่าว นำครอบครัวเข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ จนนำมาสู่การวิพากษ์ วิจารณ์

ความจริงเป็นวัคซีนไฟเซอร์แค่โด๊สเดียวที่เหลือจึงมีการขอฉีดให้บุพพการีของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ยอมรับว่ามีการผิดพลาดไปแล้ว คงไม่สามารถดึงวัคซีนออกมาได้ และยืนยันว่าโรงพยาบาลใหญ่ในจังหวัดยังไม่มีกรณีแบบนี้

นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี ได้กล่าวว่า ตนได้ย้ำทุกครั้งในการฉีดวัคซีน ที่รับมาจากส่วนกลางว่า การรับวัคซีนไฟเซอร์จะต้องเป็นไปตามเจตนารมย์คือต้องเป็นแพทย์พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเท่านั้น หากผิดไปจากนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะถูกสังคมลงโทษ และต้องดำเนินการทางวินัย 

ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลนบพิตำขณะนี้ได้ลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามขั้นตอนของทางราชการแล้ว ส่วนการที่แพทย์หญิงคนดังกล่าวลาออกนั้นขณะนี้ยังไม่เห็นเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนแต่อย่างใดเป็นเพียงกระแสข่าวออกมาเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่รายหนึ่ง ระบุ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา แพทย์หญิงระดับปฏิบัติการณ์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้นำครอบครัวมารับวัคซีนไฟเซอร์ในเวลาช่วงบ่ายของวันดังกล่าว ในวันนั้นได้เบิกจ่ายวัคซีนจำนวน 11 ขวด จะมีผู้ได้รับวัคซีนซึ่งเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่อำเภอที่เกิดเหตุจำนวน 66 คนมารอรับ โดยวัคซีนไฟเซอร์ 1 ขวด จะสามารถฉีดให้กับบุคคลากรได้ 6 คน แต่มีเทคนิค คือแต่ละขวดหากใช้วิธีการ Low Dead Space Syringe จะสามารถดึงวัคซีนฉีดได้ถึง 7 คน ซึ่งโดยปกติแต่ละขวดนั้นจะฉีดเฉพาะ 6 คน หรือ 6 โด๊สเท่านั้น ที่เหลือจะได้รับคำสั่งให้ทิ้ง แต่ประเด็นนี้ ได้มีการเตรียมการล่วงหน้า โดยมีผู้ที่มารับวัคซีนส่วนที่เหลือนั้น คือ พี่สาวของแพทย์หญิงคนดังกล่าว ส่วนแม่ได้รับวัคซีนในส่วนของ 6 โดส