เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปราม เข้าจับกุมนายชนัชญ์กรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปากพนัง ที่16/2558 ลง 27 มกราคม 2558 ซึ่งถูกกล่าวหาว่า “ร่วมกันนำหรือพาบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และ ร่วมกันค้ามนุษย์” จับกุมได้บริเวณหน้าอู่ซ่อมรถ หมู่ 5 ตำบลพิมลราช อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกันสกัดจับขบวนการขนชาวโรฮิงญา จำนวน 97 คน จาก จังหวัดพังงา เพื่อส่งไปยัง จังหวัดสงขลา ได้บนถนนสายนครศรีธรรมราช–สงขลา โดยเมื่อทำการสืบสวนขยายผล พบว่า นายสุนันท์ฯ หรือโกมิตร นักธุรกิจชื่อดัง จังหวัดพังงา เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการขนย้ายชาวโรฮิงญาดังกล่าว ซึ่งเป็นเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ในภาคใต้รายใหญ่ มีสมาชิกจำนวนมากอยู่ในหลายจังหวัด และมีการแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ โดยขบวนการดังกล่าวรับเป็นธุระจัดหา ขนย้าย และลำเลียงแรงงานต่างด้าว ทั้งชาวโรฮิงญา และชาวเมียนมา ซึ่งลักลอบเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและจากการสืบสวนพบว่า นายชนัชญ์กรณ์ฯ (ผู้ต้องหารายนี้) เป็นหนึ่งในขบวนการดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับนายชนัชญ์กรณ์ฯ ตามหมายจับดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศพดส.ภ.8 ทำการสืบสวนติดตามผู้ต้องหารายนี้ โดยทราบว่านายชนัชญ์กรณ์ฯ ได้หลบหนีการจับกุมมาเช่าห้องพักอยู่ในพื้นที่ จังหวัดนนทบุรี ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการลงพื้นที่จับกุมนายชนัชญ์กรณ์ฯ ขณะทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งหลังจากนั้นจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพข้อกล่าวหา “ร่วมกันนำหรือพาบุคคลต่างด้าวสัญชาติพม่าเข้ามาในราชอาณาจักรหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” แต่ปฏิเสธข้อกล่าวหา “ร่วมกันค้ามนุษย์” โดยให้การว่าตามวันเวลาที่เกิดเหตุ ตนทราบแค่ว่าเพื่อนชวนให้ไปช่วยขับรถนำ และช่วยแจ้งเบาะแสการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยตนได้ค่าจ้างเป็นเงินแล้วแต่จะตกลงกันเป็นการตอบแทน

จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า เมื่อปี 2556 นายชนัชญ์กรณ์ฯ เคยมีประวัติถูกจับกุมในความผิดฐานลักลอบนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร