"รองเจ้าคณะศรีสะเกษ" เตือน! พุทธศาสนิกชนไม่ควรหลงเชื่อลัทธิประหลาด
25 ส.ค. 2564, 07:24
จากกรณีที่มีสามีภรรยาได้อ้างตัวเองว่าเป็นปู่ฤาษีนำชาวบ้านสวดมนต์ด้วยภาษาที่ไม่มีใครทราบอยู่ที่บ้านอ้อ ตำบลเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษซึ่งชาวบ้านได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพื่อให้เข้าไปตรวจสอบปรากฏว่า ล่าสุดฝ่ายปกครองอำเภอห้วยทับทันร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว ในเบื้องต้นไม่พบการกระทำผิดกฎหมายและได้นำเอาหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดไปทำการจับกุมตัวนางละไม ทิศกระโปก ภรรยาของชายที่อ้างตัวว่า เป็นปู่ฤาษี ฐานความผิดยักยอกทรัพย์ ควบคุมตัวไปดำเนินคดี โดยได้ประสานงานแจ้งให้สถานีตำรวจภูธรเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด มารับตัวไปดำเนินคดีต่อไปแล้ว ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดเพียนาม ตำบลหนองไผ่อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ พระครูสิริปริยัติการ รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และเจ้าอาวาสวัดเพียนาม ได้ตรวจ สอบดูคลิปการสวดมนต์ของชายที่อ้างตัวเป็นปู่ฤาษีกับคณะลูกศิษย์แล้ว โดยได้ตรวจดูอย่างละเอียดตามคลิปที่ประชาชนได้ถ่ายเอาไว้ ซึ่งท่านรองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษได้พยายามดูทุกแง่ทุกมุมแล้ว แต่ปรากฏว่าบทสวดดังกล่าวนี้ไม่เคยมีระบุไว้ในบทสวดทางพระพุทธศาสนาแต่อย่างใดและไม่ทราบว่าเป็นภาษาอะไร
พระครูสิริปริยัติการ รองเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า บทสวดดังกล่าวนี้ไม่ทราบว่าเป็นภาษาอะไรและไม่ทราบว่าความหมายคืออะไร ซึ่งอาตมาภาพไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ขอฝากเตือนพุทธศาสนิกชนว่า ไม่ควรไปหลงเชื่อ เนื่องจากว่า พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้มีระบุเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เอาไว้ พระพุทธศาสนาสอนด้วยเหตุด้วยผลและมีเหตุมีผล ให้เชื่อกรรมเชื่อการกระทำของตนเอง จะทำให้ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งตนเองและครอบครัวเป็นผลดีต่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติสืบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่สำนักปู่ฤาษีที่ บ้านอ้อ ตำบลเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษหลังจากที่ภรรยาของชายที่อ้างตัวว่าเป็นปู่ฤาษีถูกตำรวจจับตัวฐานยักยอกทรัพย์ไปแล้ว ปรากฏว่าบรรยากาศที่สำนักฤาษีค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงลูกศิษย์คนสนิทที่มาคอยดูแลสำนักปู่ฤาษีแห่งนี้ ขณะที่ชาวบ้านใกล้สำนักปู่ฤาษีก็ไม่ได้เข้ามาหาหรือสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากว่ามีชาวบ้านเพียงไม่กี่หลังคาเรือนที่เข้ามาสวดมนต์ที่สำนักปู่ฤาษีแห่งนี้เท่านั้น