ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ส่งชุด ฉก.โชคชัย นำโดยนายพิทักษ์ พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร หัวหน้าชุด ฉก.โชคชัย, พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพรที่ 1, ชุด ปทส.ภ.จว.ชุมพร, ผู้แทน รอง.ผอ.รมน.จังหวัดชุมพร (ท), ปลัดอำเภอท่าแซะ และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชพ.9 (สามปาก) ตรวจสอบการลักลอบตัดปาล์ม พื้นที่หมู่ 10 ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำสำคัญของจังหวัดชุมพร หลังจากการลงพื้นที่ พบกลุ่มบุคคลกำลังลักลอบเข้าไปเก็บผลผลิตปาล์มน้ำมัน จึงได้เข้าควบคุมผู้กระทำผิด จำนวน 9 คน พร้อมของกลาง เป็นปาล์มทะลายจำนวน 2,950 กิโลกรัม พร้อมตรวจยึดของกลางอื่นๆ โดยพื้นที่ความเสียหายกว่า 193 ไร่

 

นายพิทักษ์ พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า จังหวัดชุมพร ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการลักลอบตัดปาล์มในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย ตำบลหงษ์เจริญและตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำสำคัญของจังหวัดชุมพร โดยก่อนหน้าได้มีการให้สัมปทานปลูกปาล์ม แก่บริษัทเอกชน ต่อมาสัมปทานได้หมดอายุ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจึงอยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้ และได้มีการร้องเรียนว่ามีการลักลอบตัดปาล์มไปจำหน่ายมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่หมดสัมปทาน สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล ทำให้ป่าถูกทำลายแผ้วถางเข้าไปยึดถือครอบครอง และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรจึงได้มอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจโชคชัย บูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน.จังหวัดชุมพร ทสจ.ชุมพร ฝ่ายปกครองและตำรวจ เข้าตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมาย

จากการสืบสวนข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียน มีการลักลอบตัดปาล์ม พบร่องรอยแผ้วถางและลักลอบตัดปาล์มมาก่อนหน้านี้นานแล้ว โดยมีถนนเข้า-ออก สัญจรได้อย่างสะดวกรอบบริเวณที่มีการบุกรุกจริง ซึ่งชุดจับกุมได้ไปตรวจสอบพื้นที่ พบกลุ่มบุคคลกำลังร่วมกันตัดปาล์ม เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว จึงได้เข้าควบคุมผู้กระทำผิด จำนวน 9 คน พร้อมของกลาง เป็นปาล์มทะลายจำนวน 2,950 กิโลกรัม ค่าความเสียหายเป็นเงิน 20,355 บาท พร้อมตรวจยึดของกลางอื่น ๆ ได้แก่ อุปกรณ์การกระทำผิด เคียวเกี่ยวปาล์ม จำนวน 3 อัน เหล็กเสียบปาล์ม จำนวน 3 อัน รถยนต์บรรทุก จำนวน 2 คันโดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือตรวจวัดพิกัดจากสัญญาณดาวเทียม (GPS) ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย และอยู่ในแปลงปลูกป่าฟื้นฟู คิดพื้นที่เสียหายกว่า 193 ไร่ หลังจากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้นำ ผู้กระทำผิด และของกลาง พร้อมนำเรื่องราวกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายพิทักษ์ พิศสิริวัฒนสุทธิ์ ปลัดจังหวัดชุมพร กล่าวเพิ่มเดิมว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าว อยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อและป่าสลุย หลังจากหมดสัมปทาน พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้สัมปทานต่อ เนื่องจากส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องอนุรักษ์ไว้เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญ อันเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดชุมพร และไหลสู่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ไว้ใช้ในการเกษตร และอุปโภคบริโภค ซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นไร่มีการลักลอบตัดปาล์มน้ำมัน ทำให้ระบบนิเวศน์เสียหายและรัฐเสียผลประโยชน์เป็นจำนวนมากมาหลายปีนับตั้งแต่เอกชนไม่ได้รับอนุญาตให้สัมปทานตามระเบียบกฎหมาย สมควรที่จะต้องจัดระบบการดูแล ปกป้องป่าไม้ดังกล่าว โดยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความยั่งยืนสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเข้มแข็งมีความต่อเนื่องเพื่อสร้างคุณค่าแก่ผืนป่าและแผ่นดินตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบ อันเป็นการสนองพระราชดำริ ให้เป็นพื้นที่แบบอย่างที่ดีแก่ลูกหลานต่อไป