ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ล่าสุด ได้ออกโพสต์เฟซบุ๊ก แสดงมุมมองตามข้อกฎหมาย ต่อคำถามน่าสนใจเกี่ยวกับข่าว ผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์  ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ โดยเผยว่า การที่กลุ่มตำรวจลงมือทารุณผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ด้วยการเอาถุงพลาสติกคลุมหัวผู้ต้องหา ต่อมาผู้ต้องหาเกิดอาการช็อก กลุ่มตำรวจจึงพยายามทำ CPR เพื่อช่วยชีวิต และเรียกรถพยาบาล ประกอบกับได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ต้องหารายนี้ไปฟื้นที่โรงพยาบาล และมีชีวิตอยู่ต่อมาอีกหลายชั่วโมงก่อนที่จะเสียชีวิตลง จึงมีหลายคนสงสัยว่า การที่กลุ่มตำรวจทำ CPR และเรียกรถพยาบาล จะมีผลต่อรูปคดีหรืออัตราโทษหรือไม่ 

แม้ว่าจะมีพฤติการณ์ที่พยายามยับยั้งไม่ให้การจะทำบรรลุผลก็ตาม แต่สุดท้ายผู้ต้องหาก็เสียชีวิต ส่วนตัวผมคิดว่า ศาลน่าจะลงโทษผู้กระทำความผิดทุกคนตามที่กฎหมายกำหนดในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา (เจตนาย่อมเล็งเห็นผล เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 5332 / 2560) ส่วนใครจะได้รับโทษมากน้อยอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงแห่งพฤติการณ์ของแต่ละคน และ ศาลจะลงโทษผู้กระทำผิด ตาม ปอ.มาตรา 288 หรือ 289 หรือ 290 ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด
 

ปอ. มาตรา 82 ผู้ใดพยายามกระทำความผิด หากยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด หรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำนั้นบรรลุผล ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้น แต่ถ้าการที่ได้กระทำไปแล้วต้องตามบทกฎหมายที่บัญญัติเป็นความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น ๆ

ที่น่าสนใจ คือ การใช้ถุงพลาสติกคุมหัว จะเข้าข่าย ตาม ปอ. มาตรา 289 (5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย หรือไม่ เนื่องจากมีโทษประหารชีวิตสถานเดียว ต้องคอยติดตามครับ

ทั้งนี้ หากมีข้อเท็จจริงในส่วนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เช่น กลุ่มผู้ลงมือกระทำความผิดมีเจตนาประสงค์ต่อทรัพย์ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ผู้ต้องหาจ่ายเงิน 2 ล้าน อาจจะมีผลให้การตั้งข้อกล่าวหาเปลี่ยนแปลงไป และมีความผิดตาม ปอ. มาตรา 149 , 157 ด้วย แต่อัตราโทษสูงสุดยังคงเท่าเดิม คือ ประหารชีวิต ซึ่งเท่าที่ฟังจากคลิปเสียงทั้ง 2 คลิป ไม่ปรากฎว่า มีการเรียกร้องเงินจำนวน 2 ล้านบาทตามที่มีบุคคลเอามาเผยแพร่ก่อนหน้านี้นะครับ แต่ก็ต้องคอยติดตามครับว่าจะมีพยานหรือหลักฐานอื่นมาสนับสนุนการเรียกเงินดังกล่าวอีกหรือไม่

หมายเหตุ - นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเชิงวิชาการนะครับ ไม่มีเจตนาจะซ้ำเติมใคร