สุดเศร้า ! "เจ้าของอู่ซ่อมรถ" ยืนดูการเผาศพแม่วัย 72 ปี ที่เสียชีวิตด้วยโควิด -19 เพียงลำพัง "ภรรยา - ลูก" ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ.
28 ส.ค. 2564, 14:53
วันนี้ 28 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ช่วยกันลำเลียงร่างของนางเสาร์ คล่องกฤต อายุ 72 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากโควิด -19 ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งตลอดระยะเวลาที่นำร่างลงมาจากอาคารของโรงพยาบาลมายังลาดจอดรถ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อ ฉีดพ่นยาฆ่าเชื่อตามหลังตลอดเวลา จนกระทั่งรถออกจากบริเวณโรงพยาบาลไป
เมื่อเดินทางมาถึงเมรุ วัดสมเด็จ ซึ่งห่างจาก รพ.ประมาณ 700 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ขับรถวนรอบเมรุ จำนวน 3 รอบ ก่อนจะช่วยกันนำร่างของผู้เสียชีวิต ใส่เตาเผาพร้อมเริ่มทำการเผาทันที ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย
โดยมีนายสิทธิกร คล่องกฤต เจ้าของร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์ แห่งหนึ่งใน อ.สังขละบุรี ลูกชายของผู้เสีย เดินทางมายืนดูร่างที่ไร้วิญญาณของแม่ ในศาลาสวดพระอภิธรรม พร้อมทั้งบันทึกภาพ และ วีดีโอ เพื่อเก็บไว้ดู ภายใต้แววตาที่เศร้าเนื่องไม่คิดว่าตนเองจะต้องมาร่วมงานศพมารดาเพียงลำพังเช่นนี้ ไม่มีแม้กระทั่งพระสงฆ์มาสวดให้ก่อนทำการเผาร่างคนตาย เหมือนพิธีศพทั่วไป
โดยนายสิทธิกร อายุ 36 ปี ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ที่บ้านของตนเองอาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 คน มี ตนเอง ภรรยาย ลูก 2 คน และ แม่ อายุ 72 ปี ที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เนื่องจากมีโรคประจำตัวหลายโรค เช่น ความดัน ไขมันในเส้นเลือด และ ลิ้นหัวใจรั่ว โดยเมื่อวันที่ 14 สค.ที่ผ่านมา ภรรยา และ ลูก มีอาการไข้ ตนเองจึงได้พากันไปตรวจ หาเชื้อโควิด - 19 ด้วยชุดตรวจ antigen test kite (ATK) ที่เทศบาลตำบลวังกะ ได้เปิดบริการบริเวณเมืองใหม่ ในเขตเทศบาลฯ ก่อนจะพบว่า แม่ ภรรยา และลูกทั้ง 2 คนมีผลบวก
จึงได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการกักตัวที่บ้าน (home isolation) ระหว่าที่รอผลการ สวอป ซ้ำทีโรงพยาบาล ต่อมาในวันที่ 16 ส.ค. ผลยืนยันว่าทั้ง 4 คน ติดโควิด -19 โรงพยาบาลสังขละบุรี จึงได้มารับตัวข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสังขละบุรี ซึ่งภรรยา และ ลูกทั้ง 2 มีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่แม่ของตนเองซึ่งมีอายุมาก และ มีโรคประจำตัวหลายโรค จึงทำให้อาการทรุดและเสียชีวิต ตนเองเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่ติดโควิด-19 และ ครบการกักตัว 14 วัน
ด้านนายหนุ่ย ไม่มีนามสกุล อายุ 27 ปี สัปเหร่อ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงการทำงานในช่วงนี้ ที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงเป็นเหตุให้เริ่มมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิต-19 มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ล่าสุด 8 ราย ซึ่งทำให้การทำหน้าที่สัปเหร่อ ต้องป้องกันด้วยการสวมชุด ppe และ ปฎิบัติตามคำแนะนำของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทุกครั้งหลังเสร็จงานจะต้องทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีทีกลับถึงบ้านพัก โชคดีตนเองมียังไม่มีครอบครัวจึงไม่ต้องห่วงใคร ตอนนี้ตนเองวิ่งรอกเผาศพ ให้วัด 4 แห่ง ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี ประกอบด้วย วัดศรีสุวรรณ วัดสมเด็จ ในเขตเทศบาลตำบลวังกะ วัดป่าหิมพานต์ และ วัดซองกาเลีย ในพื้นที่ ต.หนองลู ซึ่งอยู่ห่างออกไป เนื่องจากขาดแคลนสัปเหร่อ เพราะสัปเหร่าบางคนเริ่มติดโควิต19 ส่วนบางคนครอบครัวกังวล เลยต้องหยุดงาน
ขณะที่นายสุรศักดิ์ จุลเวช หน.มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ (สังขละบุรี) เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงนี้เจ้าหน้าฯ มีภารกิจเพิ่มขึ้นนอกจากช่วยเหลือกรณีประสบอุบัติเหตุทั่วไป แล้ว ยังต้องสนับสนุน โรงพยาบาลในการลำเลียงผู้ป่วยจาก รพ.ไปยังศูนย์พักคอย (ci) รวมทั้ง รพ.สนาม และ การ ลำเลียงผู้ป่วย จาก รพ.สนาม มา รพ.สังขละบุรี เพื่อ x-ray ปอด ซึ่งก็ได้กำชับอาสาสมัครทุกคน ให้เพิ่มระมัดระวังในการทำงานทุกครั้ง ด้วยการสวมชุด PPE และปฎิบัติตามขั้นตอนที่ได้ผ่านการฝีกอบรม ร่วมกับทีม รพ.สังขละบุรี ทั้งนี้ เพื่อป้องกันตนเองและครอบครัว ให้ปลอดภัย จากโควิด -19